Page 156 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 156
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ก�าเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่
๓๐ มกราคม ๒๕๓๙ ซึ่งมาตรา ๙๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕
ก�าหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งก�าเนิดมลพิษมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหาย หากว่า
มีการรั่วไหลหรือแพร่กระจายของมลพิษเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายหรือเสียหาย หรือเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของรัฐ
เสียหาย โดยไม่ต้องค�านึงว่าอันตรายหรือความเสียหายดังกล่าวจะเกิดจากการกระท�าโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ของเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งก�าเนิดมลพิษหรือไม่ ส�าหรับกรณีโรงไฟฟ้าแม่เมาะของผู้ถูกฟ้องคดีสามารถ
พิจารณาได้ ดังนี้
กรณีมลภาวะจากฝุ่นละออง ปรากฏข้อเท็จจริงในส�านวนคดีว่า ส่วนมากมีแหล่งที่มาจากการเผา
ไหม้มวลชีวภาพและรถยนต์ มิได้เกิดจากการปล่อยทิ้งอากาศเสียของผู้ถูกฟ้องคดี ค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองกับพื้นที่อื่น ๆ
ทั่วประเทศแล้วไม่มีความแตกต่างกัน ประกอบกับผู้ถูกฟ้องคดีได้ติดตั้งเครื่องก�าจัดฝุ่นชนิดไฟฟ้าสถิตแรงสูงในทุก
โรงไฟฟ้า มีมาตรการควบคุมฝุ่นละอองภายในบริเวณโรงไฟฟ้าด้วยการราดน�้าบนวัสดุที่มีฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่เสมอ และ
ไม่พบว่ามีพนักงานของผู้ถูกฟ้องคดีเจ็บป่วยเป็นโรคปอดอักเสบจากฝุ่นหิน จึงถือไม่ได้ว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะของผู้ถูกฟ้อง
คดีก่อให้เกิดการแพร่กระจายของฝุ่นละอองที่จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามมาตรา ๙๖ แห่งพระ
ราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ แต่อย่างใด
กรณีมลภาวะจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เห็นว่า ค่าเฉลี่ยฯ ไม่เกิน ๗๘๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
เป็นค่าเฉลี่ยฯ ที่จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและสุขภาพอนามัย และเป็นค่ามาตรฐานโดยทั่วไปที่ใช้กับประชาชนทั้ง
ประเทศ แม้จะมีการก�าหนดค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา ๑ ชั่วโมง
โดยเฉพาะพื้นที่ต�าบลแม่เมาะ อ�าเภอแม่เมาะ จังหวัดล�าปาง ก�าหนดให้ค่าเฉลี่ยฯ ไม่เกิน ๑,๓๐๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์
เมตร ก็ตาม แต่ถ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะของผู้ถูกฟ้องคดีได้มีการปล่อยทิ้งก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศจนท�าให้
มีค่าเฉลี่ยฯ เกินกว่า ๗๘๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถึงจะไม่เกิน ๑,๓๐๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หากก่อให้
เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี และไม่ปรากฏเหตุยกเว้นความรับผิด ผู้ถูกฟ้องคดีก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนหรือค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามมาตรา ๙๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ กรณีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะปล่อยทิ้งก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ
โดยระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๕ ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๔๑ รวม ๗๐ เดือน ตรวจพบว่ามีทั้งกรณีค่าเฉลี่ยฯ เกิน
กว่า ๗๘๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และเกินกว่า ๑,๓๐๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หลังจากนั้นเป็นต้นมา ไม่มี
กรณีค่าเฉลี่ยฯ เกินกว่า ๗๘๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ผู้ถูกฟ้องคดีจึงละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายก�าหนดให้
ต้องปฏิบัติในการปล่อยทิ้งก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ เมื่อผู้ฟ้องคดีเป็นผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่อ�าเภอแม่เมาะ
ในช่วงเวลาที่มีการแพร่กระจายของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่มีค่าเฉลี่ยฯ สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานและที่ประกาศคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติก�าหนด กล่าวอ้างในค�าฟ้องว่าได้รับผลกระทบจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่เกิดจาก
โรงไฟฟ้าแม่เมาะของผู้ถูกฟ้องคดีจนเจ็บป่วยเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ โรคปอด หรือเกิดอาการระคายเคือง
ตามเยื่อบุผนังตามร่างกาย จึงเชื่อได้ว่าผู้ฟ้องคดีได้รับอันตรายเสียหายจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่แพร่กระจาย
จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะของผู้ถูกฟ้องคดีและมิใช่เหตุสุดวิสัยที่จะเป็นเหตุให้ผู้ถูกฟ้องคดียกขึ้นเป็นข้อกล่าวอ้าง
155

