Page 20 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 20
การจัดตั้งส�านักงานคดีค้ามนุษย์ในส�านักงานอัยการสูงสุด และแผนกคดีค้ามนุษย์ในศาลอาญา พร้อมกับออกข้อบังคับประธาน
ศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการด�าเนินคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้การด�าเนินคดีที่เกี่ยวกับความผิดฐานค้ามนุษย์เป็นไปด้วยความรวดเร็ว
สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ในขณะที่ กสม. ยังพบเหตุการณ์ที่น�าผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ไปใช้หรือแสวงหาประโยชน์ คือ
• การบังคับใช้แรงงาน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการประมง
• การขายบริการทางเพศ โดยเฉพาะกรณีผู้หญิงต่างด้าวในสถานบริการต่าง ๆ
• การบังคับเป็นขอทาน และการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กในรูปแบบ ช่วงเวลาหรือสถานที่ที่ไม่เหมาะสม
ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือละเมิดสิทธิมนุษยชนในด้านอื่น ๆ
จากสถานการณ์โดยรวมของปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย จะเห็นได้ว่า ทุกภาคส่วนมีความพยายามในการแก้ไขปัญหา
ทั้งในส่วนของการออกกฎหมาย มาตรการต่าง ๆ การเร่งรัดกระบวนการด�าเนินการ โดยน�าข้อเสนอแนะและข้อสังเกตต่าง ๆ
ของคณะกรรมการประจ�าตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนมาเป็นกรอบในการด�าเนินงาน ท�าให้สถานการณ์การค้ามนุษย์
ในประเทศไทยในปี ๒๕๕๙ มีความรุนแรงน้อยลง จนได้รับการปรับเลื่อนสถานะจาก Tier 3 (ปี ๒๕๕๘) มาเป็น Tier 2 Watch List
(ปี ๒๕๕๙) รัฐบาลจึงควรด�าเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้มากยิ่งขึ้น
ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
องค์การสหประชาชาติได้ออกหลักการสหประชาชาติแนวทางปฏิบัติว่าด้วยการด�าเนินธุรกิจและสิทธิมนุษยชน
(UNGPs) (ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔) โดยเหตุที่สนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนมิได้ก�าหนดพันธะผูกพันทางกฎหมาย
ต่อภาคธุรกิจไว้โดยตรง แต่ได้ก�าหนดให้รัฐเป็นผู้รับผิดชอบ โดยการตรากฎหมายและบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศที่มีบทบัญญัติ
ให้บริษัทธุรกิจต้องเคารพต่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งในส่วนของประเทศไทย แม้ธุรกิจจะได้ปฏิบัติตามกฎหมายของแต่ละประเทศแล้ว
แต่กฎหมายเหล่านั้นยังมีช่องว่างที่ไม่เป็นไปตามหลักการสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยมีผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน
ที่ส�าคัญ กล่าวคือ
• ผลกระทบต่อแรงงาน แรงงานข้ามชาติ ชุมชน และกลุ่มเปราะบาง จนท�าให้คณะกรรมาธิการยุโรป (European
Commission) ออกค�าประกาศแจ้งเตือน (ใบเหลือง) กับประเทศไทย หรือการที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา
จัดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking In Persons Report) ของไทย อยู่ในอันดับ Tier 3
• ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ หรือโครงการพัฒนา หรือการลงทุน
ขนาดใหญ่ ทั้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และจากโครงการลงทุนหรือการพัฒนาทั้งของรัฐและเอกชนสัญชาติไทยในประเทศเพื่อนบ้าน
กสม. พบว่า รัฐได้มีมาตรการ/นโยบายหลายประการในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่
หลายแห่งตื่นตัวและพยายามด�าเนินธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรี (วันที่ ๑๖ พฤษภาคม
๒๕๕๙) ในการผลักดันให้ประเทศไทยมีมาตรการและแนวทางปฏิบัติอย่างจริงจัง ส่งเสริมให้เอกชนมีความรับผิดชอบต่อสังคมและ
เคารพหลักพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนในการลงทุนทั้งที่เกิดในประเทศ รวมถึงการลงทุนสัญชาติไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตาม
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของ กสม. รวมถึงการก�ากับการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจ
ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๐) อย่างไรก็ดี ยังพบว่า มีการด�าเนินการอย่างเป็นรูปธรรมค่อนข้างน้อย นอกเหนือจากกรณีที่มีผลกระทบ
ต่อผลประโยชน์ทางการค้าและการลงทุนอย่างรุนแรง กสม. จึงเสนอให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนต้องด�าเนินการอย่างจริงจังและ
น�าแนวทางการเฝ้าระวังโดยใช้กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence : HRDD) มาปรับใช้
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 19 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙