Page 16 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 16
บทสรุปผู้บริหาร
การจัดท�ารายงานประจ�าปีเพื่อประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภายในประเทศเสนอต่อรัฐสภา และคณะรัฐมนตรี และเปิดเผย
ต่อสาธารณชนเป็นอ�านาจหน้าที่หนึ่งของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๗ (๘) และพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ มาตรา ๑๕ (๖) เป็นการ
รายงานให้ทราบถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศว่า ในปีนั้น ๆ มีสถานการณ์ใดบ้าง ที่มีผลกระทบต่อสิทธิของประชาชน
ทั้งในด้านที่เป็นความก้าวหน้า และถดถอย โดย กสม. ใช้เกณฑ์หรือมาตรฐานหลัก ๒ ประการในการประเมิน กล่าวคือ (๑) หลักการตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ รวมทั้ง
กฎหมายภายในอื่น ๆ และ (๒) สิทธิที่ได้รับการรับรองจากสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ที่ประเทศไทยเป็นภาคีรวม ๗ ฉบับ
รวมทั้งมาตรฐานระหว่างประเทศ และค�ามั่นสัญญาต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยได้ให้ไว้ต่อประชาคมระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ในปี ๒๕๕๙ กสม. ประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภายในประเทศโดยสรุปเป็น ๔ ส่วนหลัก ดังนี้
๑. สถานการณ์ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
กสม. ประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และการต่อต้านการทรมาน การประติบัติ
หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือที่ย�่ายีศักดิ์ศรี โดยพิจารณาสารัตถะของสิทธิตามที่บัญญัติไว้ในกติการะหว่าง
ประเทศว่าด้วยสิทธิทางพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และ
การประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย�่ายีศักดิ์ศรี (CAT) อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครอง
บุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (CED) รวมถึงข้อเสนอแนะที่ประเทศไทยได้รับมาปฏิบัติภายใต้กลไก UPR
มีสถานการณ์หลักสรุปได้ ดังนี้
การทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย
ประเทศไทยได้ยกร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ พ.ศ. ....
โดยผนวกหลักการ และสาระส�าคัญของอนุสัญญา CAT และอนุสัญญา CED ไว้ด้วยกัน ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙
เห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา CED และร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งนี้ กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ
การทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย โดยในส่วนหนึ่งมีข้อร้องเรียนว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังพบข้อท้าทายอันเนื่องมาจาก
การขาดหรือการตีความทางกฎหมาย การก�าหนดฐานความผิดเกี่ยวกับการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย ซึ่งส่ง
ผลกระทบต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการสืบสวนสอบสวน และการติดตามหาบุคคลที่หายสาบสูญโดยถูกบังคับ อาทิ
• ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖/๑ ได้มีข้อยกเว้นให้รับฟังพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยชอบ
แต่ได้มาเนื่องจากการกระท�าโดยมิชอบหรือเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบได้
หากเป็นประโยชน์ต่อการอ�านวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียอันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรม
ทางอาญาหรือสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ลักษณะดังกล่าว ท�าให้เกิดช่องว่างทางกฎหมายและวิธีการปฏิบัติ การตีความ เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการเข้าถึงสิทธิในกระบวนการ
ยุติธรรมของครอบครัวบุคคลถูกบังคับให้สูญหาย และเปิดช่องให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการกระท�าทรมาน
สิทธิในกระบวนการยุติธรรม
กสม. ได้รับเรื่องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมในจ�านวนที่มากกว่าสิทธิด้านอื่น ๆ
แม้ว่ารัฐบาลได้พยายามด�าเนินการตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญตลอดจนกฎหมายต่าง ๆ ที่ประกันสิทธิในกระบวนการ
ยุติธรรม และท�าให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน อาทิ
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 15 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙