Page 18 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 18

•  ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการ
            กระท�าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐

                     •  ค�าสั่ง คสช. ที่ ๓/๒๕๕๙ เรื่อง มอบอ�านาจการอนุมัติและลงนามค�าสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม
            และผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม ตามค�าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๑๓/๒๕๕๙ เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระท�า
            ความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนท�าลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

                     กสม. พบว่า กฎหมายดังกล่าวเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้างขวาง และมีผลให้เกิดการปฏิบัติ

            ที่แตกต่างกัน มีการใช้มาตรการและกลไกทางกฎหมายจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเกินความจ�าเป็น โดยขาดการ
            พิจารณายกเลิก หรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจ�าเป็น หรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการด�ารงชีวิต
            ของประชาชน


              ๒.  สถานการณ์ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม



                     กสม. ประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยพิจารณาสารัตถะ
            ของสิทธิตามที่บัญญัติไว้ในกติการะหว่างประเทศด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) โดยมีสถานการณ์หลัก

            โดยสรุป ดังนี้


            สิทธิด้านการศึกษา

                     รัฐมีนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการประกันการเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาภาคบังคับ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐาน
            และมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะด�าเนินการเพื่อบรรลุสิทธิทางการศึกษาเป็นล�าดับ ทั้งนี้ ได้มีความก้าวหน้าในสิทธิทาง
            การศึกษาหลายประการ อาทิ การสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาคิดเป็นร้อยละ ๒๐ ของงบประมาณรายจ่ายแผ่นดิน
            การประกันการเข้าถึงการศึกษาภาคบังคับ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายและขยายให้ครอบคลุมถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๕ ปี การขับเคลื่อน
            การปฏิรูปการศึกษาในระดับภูมิภาค โดยค�านึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม การแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุน

            กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๑ เพื่อลดข้อจ�ากัดการเข้าถึงกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาส�าหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และ
            เพิ่มโอกาสให้เยาวชนที่เรียนดีและต้องการศึกษาสาขาวิชาขาดแคลนหรือสาขาที่เป็นความต้องการเพื่อพัฒนาประเทศได้เข้าถึง
            สิทธิทางการศึกษาในขั้นอุดมศึกษา หรือขั้นวิชาชีพมากขึ้น ทั้งนี้ กสม. พบข้อท้าทายที่ส�าคัญ กล่าวคือ

                     •  การด�าเนินการปฏิรูประบบการศึกษาอย่างจริงจังเพื่อพัฒนาคุณภาพโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลกลุ่มเด็ก
            และเยาวชนที่อยู่ในภาวะเสี่ยง กลุ่มเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้ลี้ภัย รวมถึงกลุ่มเด็กที่ติดตามแรงงานข้ามชาติ
            กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มประชาชนที่อยู่ในชนบทให้เข้าถึงสิทธิทางการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการ
                     •  การจัดการศึกษาที่ยังไม่สอดคล้องกับระบบสังคม วัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสอนผ่านระบบพหุภาษา
            หรือภาษาแม่ ตลอดจนการรักษารากทางวัฒนธรรมและฐานทรัพยากรของชุมชน โดยยังพบข้อติดขัดในการด�าเนินการตาม

            มาตรา ๑๒ ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมและกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิขององค์กร
            ชุมชน และองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ.๒๕๕๕


            สิทธิด้านสุขภาพ

                     รัฐมีนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการประกันสิทธิในสุขภาพ และมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะด�าเนินการ
            เพื่อบรรลุมาตรฐานสูงสุดที่เป็นไปได้ อาทิ การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาวะและสุขภาพที่ดีตลอดช่วงชีวิต การออกประกาศ
            คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เรื่องธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๙ (ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
            การจัดตั้งเขตสุขภาพ ๑๓ แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพเพื่อส่งเสริมการ

            เข้าถึงบริการสาธารณสุขให้ดีขึ้น โดยมีผู้ทรงสิทธิมากกว่าร้อยละ ๙๙ ของประชากรทั้งหมดที่เข้าถึงสิทธิในบริการสาธารณสุข


                                     รายงานผลการประเมินสถานการณ์  17  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23