Page 24 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 24

กลุ่มนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
                     สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติให้ความเห็นชอบกับสาระของปฏิญญาว่าด้วยสิทธิและความรับผิดชอบของปัจเจกบุคคล

            กลุ่มบุคคล และองค์กรของสังคมในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน หรือเป็นที่รู้จักในนามของ
            ปฏิญญาว่าด้วยผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน หรือนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งหมายถึง บุคคลที่ส่งเสริมและต่อสู้เพื่อให้เกิดการคุ้มครอง
            และตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน โดยยังคงพบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และครอบครัว
            ของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ได้แก่
                     •  การถูกคุกคาม ข่มขู่ การถูกฟ้องร้องด�าเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน

            (Strategic Litigation Against Public Participation : SLAPP) โดยมักจะใช้ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและการน�าข้อมูล
            เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวในการที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นหรือเผยแพร่ความคิดเห็น
            ต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

                     •  การบังคับสูญหาย (enforced disappearance) ซึ่งมีการสอบสวนและน�าคดีขึ้นสู่ชั้นศาลไม่มากนัก รวมทั้ง
            มีหลายคดีที่ผู้กระท�าความผิดยังไม่ได้รับการลงโทษ ครอบครัวและญาติไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลความคืบหน้าในการด�าเนินการใด ๆ
                     •  ข้อจ�ากัดของการเยียวยาความเสียหาย โดยมีแต่การให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและด้านทนายความ


                     ทั้งนี้ ได้มีการน�าเสนอ (ร่าง) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระท�าให้บุคคลสูญหาย

            พ.ศ. .... เพื่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ในขณะที่รัฐให้ความส�าคัญกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยการรายงาน
            ทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ภายใต้กระบวนการ UPR รอบที่ ๒ คณะรัฐมนตรีมีมติให้ค�ารับรองในส่วน
            ที่เกี่ยวข้องกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่เสนอโดยประเทศต่าง ๆ รวมทั้ง กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ

            ได้แสดงความมุ่งมั่นในการบรรจุประเด็นเกี่ยวกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนไว้ใน (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๔


            กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ
                     ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สังคมไทยมีพัฒนาการของการยอมรับอัตลักษณ์ ความหลากหลาย และการแสดงออกทางเพศ
            เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยจะพบพัฒนาการทั้งในด้านการก�าหนดค�าเรียกในเอกสารราชการ หลักฐานการเกณฑ์ทหาร และอื่น ๆ

            ทั้งนี้ กสม. พบสถานการณ์สิทธิมนุษยชนใน ๕ มิติส�าคัญ คือ
                     •  มิติการกระท�าหรือการก�าหนดให้เป็นความผิดในด้านกฎหมาย นโยบาย หรือบทบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ยังพบ
            ลักษณะของการตีความหรืออาจจะเป็นช่องทางที่น�ามาใช้ตีความในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่งผลต่อการเลือกปฏิบัติในทางหนึ่งทางใด

            อาทิ พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งมุ่งคุ้มครองทั้งหญิง ชาย และผู้มีการแสดงออก
            ที่แตกต่างจากเพศโดยก�าเนิดจากการถูกเลือกปฏิบัติทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ยังมิได้มุ่งคุ้มครองเฉพาะผู้หญิงและผู้มีความ
            หลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ นอกจากนี้ การตรวจสอบ
            การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ยังเปิดช่องให้มีการเลือกปฏิบัติได้ โดยยกเว้นให้กับการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผล
            ตามหลักการทางศาสนา หรือเพื่อความมั่นคงของประเทศ เพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพ

            ได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น หรือเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและความปลอดภัย
                     •  มิติการกระท�าหรือการก�าหนดให้เป็นการตีตราหรือเหมารวม โดยพบว่ามีการตีตราและการคุกคามทางเพศและ
            การกระท�าความรุนแรงต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในสถานการณ์ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่อมวลชนยังคง

            ผลิตซ�้าภาพต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในลักษณะเหมารวม มีความแตกต่างจากคนทั่วไป
                     •  มิติการยอมรับทางกฎหมายที่มีการแสดงวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ พบว่า มีกฎหมายที่มีการแสดงวิถีทาง
            เพศ และอัตลักษณ์ทางเพศอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมในภาพรวม รวมถึงยังไม่มีการปรับปรุง แก้ไข กฎ ระเบียบและข้อบังคับ
            ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
                     •  มิติการยอมรับหรือการอยู่ร่วมกับวิถีวัฒนธรรมอื่น ๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการแสดงวิถีทางเพศ และอัตลักษณ์ทางเพศ

            ที่แตกต่างหลากหลาย พบว่าบุคคลที่แสดงวิถีทางเพศ และอัตลักษณ์ทางเพศสามารถด�าเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพ หรือได้รับ


                                     รายงานผลการประเมินสถานการณ์  23  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29