Page 186 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 186

แนวทางเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย คือ (๑) แนวทางการจัดการเรียนรวม โดยส่งเสริมศักยภาพให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานทุกแห่ง
            มีการจัดการเรียนรวมอย่างเป็นระบบ มีการพัฒนาหลักสูตรส�าหรับเด็กพิเศษแต่ละประเภท จัดท�าแผนพัฒนาการจัดการศึกษา

            ตามกลุ่มประเภทความพิการ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ตลอดจนการท�างานร่วมกับผู้ปกครอง เป็นต้น (๒) แนวทาง
            การจัดระบบสนับสนุน โดยส�านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีกองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาส�าหรับ
            คนพิการ โดยได้รับการจัดสรรจ�านวน ๑๕๐ ล้านบาท/ปี (๓) แนวทางการจัดให้บริการ เพื่อสร้างโอกาสให้คนพิการได้รับ
            การพัฒนาอย่างเต็มที่ เช่น การจัดท�าระบบข้อมูลสารสนเทศที่สามารถเชื่อมโยงและใช้ร่วมกันกับหน่วยงานต่าง ๆ เป็นต้น (๔)
            แนวทางการจัดท�าค่าใช้จ่ายรายหัวที่ติดตามตัวเด็ก โดยที่ผ่านมา ส�านักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ได้จัดสรรงบประมาณรายหัว

            แก่นักเรียนศูนย์การศึกษาพิเศษอย่างต่อเนื่อง และมีแนวทางในการพิจารณางบประมาณรายหัวเพิ่มเติม (๕) แนวทางการผลิต
            และพัฒนาครูที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของผู้เรียนในปัจจุบัน โดยมีการปรับปรุงหลักสูตรการอบรมครูผู้สอนและดูแลเด็กพิเศษ
            ให้เข้มข้นขึ้น เพื่อให้สามารถพัฒนาเด็กได้อย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม แม้รัฐจะมีแผนงานแนวทางในการขับเคลื่อน

            การศึกษาส�าหรับคนพิการเพื่อให้คนพิการได้รับการศึกษาตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการ แต่จากข้อเท็จจริงพบว่า คนพิการ
            ส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา และมีคนพิการจ�านวนมากที่อายุถึงเกณฑ์แต่ไม่ได้รับการศึกษา     สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเฉพาะ
            คณะกรรมการประจ�าอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการมีข้อเสนอแนะต่อการศึกษาของคนพิการ โดยรัฐควรจัดสรรทรัพยากร
            อย่างเพียงพอ และมีมาตรการสนับสนุนเป็นรายบุคคลให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องและให้ความส�าคัญในการฝึกอบรม
            ครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนให้ความส�าคัญในการเชื่อมโยงการศึกษาของคนพิการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

            (Sustainable Development Goals : SDGs) เป้าหมายที่ ๔.๕ (ขจัดความเหลื่อมล�้าทางเพศในการศึกษา และสร้างหลักประกัน
            ว่ากลุ่มที่เปราะบางซึ่งรวมถึงผู้พิการ ชนพื้นเมือง และเด็กเข้าถึงการศึกษาและการฝึกอาชีพทุกระดับอย่างเท่าเทียม
            ภายในปี ๒๕๗๓) และ ๔ (a) (สร้างและยกระดับอุปกรณ์และเครื่องมือทางการศึกษาที่อ่อนไหวต่อเด็ก ผู้พิการ และเพศสภาวะ

            และให้มีสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ที่ปลอดภัย ปราศจากความรุนแรง ครอบคลุมและมีประสิทธิผลส�าหรับทุกคน)     บทที่
                                                                                                                    ๖

                     การจ้างงานคนพิการ โดยในปี ๒๕๕๙ กระทรวงแรงงาน
            และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งภาคี
            เครือข่ายคนพิการได้ขับเคลื่อนการจ้างงานคนพิการโดยร่วมประกาศ

            เจตนารมณ์สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานคนพิการในโครงการ “สานพลังสู่
            มิติใหม่ สร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ ๑๐,๐๐๐ อัตรา” เพื่อให้คนพิการ
            มีโอกาสใช้ศักยภาพของตนในการสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว

            แต่อย่างไรก็ตาม ในปี ๒๕๕๙ ยังคงพบว่าผู้ประกอบส่วนใหญ่ยังคงเลือก
            ช่องทางการจ่ายเงินชดเชยเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคน
            พิการมากกว่าการจ้างคนพิการเข้าท�างาน


                     คณะกรรมการประจ�าอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ มีข้อเสนอแนะให้รัฐเพิ่มโอกาสการจ้างงานในตลาด

            แรงงานโดยเฉพาะสตรีพิการ และรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคมและนายจ้างเพื่อขจัดอคติที่มีต่อคนพิการ รวมถึงจัดการ
            ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะเพิ่มโอกาสให้คนพิการในการประกอบอาชีพ อีกทั้งควรให้ความส�าคัญและเชื่อมโยงกับเป้าหมาย
            การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) เป้าหมายที่ ๘.๕ (บรรลุการจ้างงานเต็มที่และมีผลิตภาพ

            และการมีงานที่สมควรส�าหรับหญิงและชายทุกคน รวมถึงเยาวชนและผู้มีภาวะทุพพลภาพ และให้มีการจ่ายที่เท่าเทียม
            ส�าหรับงานที่มีคุณค่าเท่าเทียมกัน)











                                     รายงานผลการประเมินสถานการณ์  185  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   181   182   183   184   185   186   187   188   189   190   191