Page 184 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 184
คนพิการทั้งในสถานประกอบการเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งมีคนพิการท�างานในสถานประกอบการเอกชนมากกว่า
๓๔๐
๓๒,๕๐๐ คน และท�างานในหน่วยงานภาครัฐกว่า ๒,๘๐๐ คน รวมถึงส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระให้กับคนพิการ
และผู้ดูแลคนพิการโดยให้บริการกู้ยืมเงินโดยไม่เสียดอกเบี้ย เป็นต้น ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่ามีคนพิการที่อยู่ในวัยท�างาน (๑๕
- ๖๐ ปี) มีจ�านวน ๗๙๙,๓๔๒ คน ซึ่งมีคนพิการที่ประกอบอาชีพ จ�านวน ๑๙๒,๓๙๓ คน โดยประกอบอาชีพเกษตรกรรม
คิดเป็นร้อยละ ๓๘ รองลงคือ ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปคิดเป็นร้อยละ ๓๖.๕๑ และมีคนพิการที่ประกอบอาชีพรับราชการ/
รัฐวิสาหกิจจ�านวนน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ ๑.๔๓ นอกจากนี้ มีคนพิการที่สามารถประกอบอาชีพได้แต่ไม่ได้ประกอบอาชีพ
มีจ�านวน ๔๙๒,๔๒๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๖๐ ๓๔๑
๕) การเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ (แก้ไขเพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๕๖) มาตรา ๒๐ (๑) ระบุคนพิการมีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จากสิ่งอ�านวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ ตลอดจน
สวัสดิการและความช่วยเหลือจากรัฐ ในเรื่องการบริการฟื้นฟูสมรรถภาพโดยกระบวนการทางการแพทย์และค่าใช้จ่ายในการ
รักษาพยาบาล ค่าอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ และสื่อส่งเสริมพัฒนาการ เพื่อปรับสภาพทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม
พฤติกรรม สติปัญญา การเรียนรู้หรือเสริมสร้างสมรรถภาพให้ดีขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐอยู่ สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเฉพาะ
๓ ระบบหลักด้วยกัน คือ ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ
ซึ่งทั้งสามระบบหลักนั้นได้ก�าหนดสิทธิประโยชน์ด้านสาธารณสุขส�าหรับคนพิการแตกต่างกัน เช่น สิทธิการได้รับการฟื้นฟู
สมรรถภาพจากรัฐ อุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ เป็นต้น โดยพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ก�าหนดให้
คนพิการได้รับสิทธิด้านสุขภาพโดยได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าบริการในการรับบริการทางสาธารณสุขให้แก่หน่วยบริการ
๖) การเข้าถึงสิ่งอ�านวยความสะดวกอันเป็น
สาธารณะ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน
๒๕๕๕ เห็นชอบเรื่องการสนับสนุนมาตรการผลักดันการ บทที่
๖
จัดสิ่งอ�านวยความสะดวกให้คนพิการและทุกคนในสังคม
เข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ของหน่วยงานราชการ ตามมติ
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ โดยให้จัด
สิ่งอ�านวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ๕ ประเภท ได้แก่ ทางลาด
ห้องน�้า ที่จอดรถ ป้ายสัญลักษณ์ และบริการข้อมูลข่าวสาร
โดยให้ด�าเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๘ และรัฐได้มี
การด�าเนินโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปรับสภาพ
แวดล้อมที่อยู่อาศัยส�าหรับคนพิการกว่า ๑๐,๐๐๐ หลัง
การขับเคลื่อนการปรับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการด�ารงชีวิตอิสระของคนพิการ การจัดให้มีสิ่งอ�านวยความสะดวกส�าหรับคนพิการ
และทุกคนเข้าถึงใช้ประโยชน์ได้ โดยได้ด�าเนินการกว่า ๒๒,๒๕๙ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๕๑.๗๔ นอกจากการสนับสนุนสภาพ
แวดล้อมทางกายภาพดังกล่าวแล้ว รัฐยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีสิ่งอ�านวยความสะดวกส�าหรับคนพิการอีกหลายโครงการ เช่น
การจัดท�ามาตรฐานสื่อสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ การจัดตั้งศูนย์บริการถ่ายทอดการสื่อสารแห่งประเทศไทย (TTRS) และการติด
ตั้งตู้ TTRS กว่า ๒๑๐ ตู้ทั่วประเทศ เพื่อให้บริการแก่คนหูหนวก การจัดบริการโทรศัพท์ภาพผ่านการถ่ายทอด การสื่อสาร
ส�าหรับคนหูหนวก การพัฒนาอิฐทางเท้าแม่เหล็ก และไม้เท้าน�าทางคนพิการทางสายตา เป็นต้น
๖.๑.๓ สถานการณ์ปี ๒๕๕๙
เมื่อวันที่ ๓๐ – ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ รัฐได้น�าเสนอรายงานประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ
(CRPD) รอบที่ ๑ (Initial Report) ต่อคณะกรรมการประจ�าอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ ซึ่งในการเสนอรายงานดังกล่าว
๓๔๐ หนังสือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ พม ๐๒๐๗/๔๐๔๘ ลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐
๓๔๑ รายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านคนพิการในประเทศไทย ข้อมูลสิ้นสุด ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙, กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการ
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 183 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙

