Page 105 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 105
๑.๒) อัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษา
จากสถิติการศึกษาของประเทศไทยในปีการศึกษา ๒๕๕๘ พบว่าอัตราการคงอยู่ของนักเรียนในระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๒ ปี ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ระดับประกาศนียบัตร
วิชาชีพ คิดเป็นร้อยละ ๖๖.๔ หากจ�าแนกข้อมูลดังกล่าวโดยละเอียด พบว่า มีอัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษา
ภาคบังคับ (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ ) คิดเป็นร้อยละ ๙๓.๙ และอัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษาภาคบังคับ
จนส�าเร็จการศึกษาชั้นมัธยมต้นคิดเป็นร้อยละ ๘๙.๕ และมีอัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ช่วง
มัธยมศึกษาตอนปลาย/ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ) คิดเป็นร้อยละ ๗๔.๕ และมีอัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษา
๑๓๓
ในชั้นสูง (ระดับอุดมศึกษา) เพียงร้อยละ ๖๑.๔ ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นว่า เด็ก/เยาวชนมีแนวโน้มออกจาก
การศึกษาภาคบังคับเมื่อส�าเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นมากที่สุด
๒) คุณภาพการศึกษา
มีตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับการประเมินคุณภาพการศึกษา ๓ ตัวชี้วัด ได้แก่ (๑) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (O-Net Program
for International Student Assessment: O-NET) (๒) ความสามารถในการคิดของผู้เรียน (GAT) และ (๓) ความสามารถ
ในการอ่าน เขียน และค�านวณของประชากรอายุ ๖ ปี ขึ้นไป
๒.๑) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในการศึกษาขั้นพื้นฐานในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ และ
มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ใน ๕ กลุ่มสาระการศึกษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรมในระดับประเทศ ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของสถาบันทดสอบการศึกษา
แห่งชาติในทุกระดับชั้น มีคะแนนค่าเฉลี่ยต�่ากว่าร้อยละ ๕๐ ซึ่งในภาพรวมของคะแนนผลการทดสอบ O-NET ของปีการศึกษา
๒๕๕๘ พบว่า ปัจจัยที่ตั้งและพื้นที่ทางภูมิศาสตร์และขนาดของโรงเรียนมีผลต่อคุณภาพการศึกษา ผลการทดสอบ O-NET
ในทุกระดับชั้น โดยโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีคะแนนเฉลี่ยสูงสุดทุกวิชาและสูงกว่าระดับคะแนนเฉลี่ยของประเทศ
ในขณะที่โรงเรียนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีคะแนนเฉลี่ยต�่าสุดทุกวิชา และต�่ากว่าค่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศทุกวิชา
และโรงเรียนขนาดเล็กจะมีคะแนนค่าเฉลี่ยที่ต�่ากว่าโรงเรียนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ การบริหารจัดการการศึกษายังเป็นปัจจัย
หนึ่งของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยพบว่า โรงเรียนในสังกัดส�านักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา มีค่าคะแนนเฉลี่ย O-NET
สูงสุดของประเทศ ทั้งในระดับประถมศึกษาปีที่ ๖ และมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ในขณะที่โรงเรียนในสังกัดส�านักบริหารงาน
คณะกรรมการเอกชน มีคะแนนเฉลี่ยเป็นอันดับรอง โรงเรียนในก�ากับกระทรวงศึกษาธิการ (โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์) มีคะแนนเฉลี่ย
O-NET สูงสุดของประเทศในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๖ และโรงเรียนในสังกัดส�านักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา และโรงเรียน
ในสังกัดส�านักบริหารงานคณะกรรมการเอกชน มีคะแนนเฉลี่ยเป็นอันดับรอง และอันดับถัดไป และโรงเรียนในสังกัดส�านักการ
ศึกษาพิเศษมีคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบ O-NET ต�่าที่สุดในทุกระดับชั้น นอกจากนี้ ในปี ๒๕๕๘ ยังเป็นปีที่ประเทศไทย
๑๓๔
ได้เข้าร่วมโครงการการประเมินผลการศึกษานักเรียนนานาชาติ (Program for International Student Assessment: PISA)
ซึ่งด�าเนินการโดยองค์กรความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and
Development: OECD) ผลการประเมินในรอบปี ๒๕๕๘ ของประเทศไทย พบว่า ความสามารถในการใช้ความรู้และทักษะ
ในทั้ง ๓ ด้าน คือ ด้านการอ่าน (Reading Literacy) ด้านคณิตศาสตร์ (Mathematical Literacy) และด้านวิทยาศาสตร์
(Scientific Literacy) มีค่าคะแนนเฉลี่ยต�่ากว่าค่าคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มประเทศที่เข้าร่วมการทดสอบอย่างมีนัยส�าคัญ โดยคะแนนด้าน
การอ่านอยู่ในอันดับที่ ๕๗ และทั้งคะแนนด้านคณิตศาสตร์และด้านวิทยาศาสตร์ อยู่ในอันดับที่ ๕๔ จากประเทศที่เข้าร่วม
การประเมินรวมทั้งสิ้น ๗๒ ประเทศ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลการประเมิน PISA รอบปี ๒๕๕๕ พบว่า ความสามารถใน
ด้านการอ่านและด้านวิทยาศาสตร์ มีคะแนนลดลงอย่างมีนัยส�าคัญ ในทางกลับกัน กลับไม่พบการเปลี่ยนแปลงในระดับ
ความสามารถด้านคณิตศาสตร์แต่อย่างใด และผลวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของคะแนนในภาพรวมตั้งแต่การประเมิน
๑๓๓ แหล่งเดิม.
๑๓๔ แหล่งเดิม, (น. ๑๔).
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 104 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙