Page 51 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 51

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ






           พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๗ จึงเป็นกรณีที่อยู่ในอ�านาจของคณะกรรมการฯ ที่จะสามารถตรวจสอบได้ โดย
           อาศัยอ�านาจตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ หมวด ๓ ระเบียบคณะกรรมการ

           สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามรายงาน
           ผลการพิจารณา ที่ ๓๕๗-๓๖๒/๒๕๕๘ สรุปข้อเท็จจริงได้ ดังนี้

               กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ชี้แจงว่าได้พิจารณาใบสมัครของผู้สมัครสอบและแจ้งเตือน
           ทางเว็บไซต์ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๓ ให้ผู้สมัครสอบที่ส่งเอกสารไม่ครบทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ ภายในวันที่
           ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งมีผู้สมัครที่ส่งเอกสารไม่ครบได้ส่งเอกสารมาเพิ่มในช่วงเวลาดังกล่าวจ�านวน ๗๔ รายและมีสิทธิ

           เข้าสอบ คงเหลือผู้สมัครที่ส่งเอกสารไม่ครบอยู่ ๑๔๘ รายถูกตัดสิทธิ ซึ่งกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย
           (กสพท.) ยืนยันว่าได้พยายามผ่อนปรนให้ผู้สมัครอย่างเต็มความสามารถ เพื่อมุ่งสร้างแพทย์และทันตแพทย์ที่ดีส�าหรับ

           ประเทศชาติและประชาคมโลก อย่างไรก็ตาม การด�าเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ  ต้องมีเงื่อนไขเงื่อนเวลาก�ากับเพื่อ
           ให้สามารถด�าเนินการขั้นตอนต่าง ๆ  ได้อย่างสมบูรณ์ ทางกลุ่มฯ ได้ยึดหลักความโปร่งใส ยุติธรรมและตรวจสอบ
           ได้ ส�าหรับผู้สมัครที่ปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามระเบียบ หรือขาดความพร้อมในการเข้าสอบในรอบนี้ ยังสามารถเข้ารับ

           การคัดเลือกผ่านกลุ่มสถาบันฯ ได้อีกในปีการศึกษาต่อไป
               เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ยื่นฟ้องประธานกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์
           แห่งประเทศไทย (กสพท.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ ๑ และฟ้องกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) เป็นผู้

           ถูกฟ้องที่ ๒ ต่อศาลปกครองให้ยกเลิกประกาศของกลุ่มฯ รวมทั้งการกระท�าใด ๆ ที่มีผลเป็นการตัดสิทธิผู้ร้องมิให้
           มีสิทธิสอบคัดเลือกบุคคลเข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์ และสั่งให้ประธานฯ และกลุ่มฯ จัดให้ผู้ร้องมีสิทธิสอบคัด
           เลือกบุคคลเข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์ในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ ด้วย อีกทั้งขอให้ศาลปกครองสั่งบังคับทุเลา

           ประกาศและการกระท�าของกลุ่มฯ ไว้เป็นชั่วคราวอีกด้วย
               ศาลปกครองมีค�าสั่งคดีหมายเลขด�าที่ ๑๖๗๐, ๑๖๗๑/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ โดยศาลปกครอง

           กลางได้มีค�าสั่งทุเลาการบังคับตามค�าสั่งของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทยที่แจ้งว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิสอบ
           คัดเลือกเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิตผ่านกลุ่มสถาบัน
           แพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ตามมาตรา ๖๖ ของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ

           วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบข้อ ๗๒ วรรคสาม แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาล
           ปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๕๓

               ศาลปกครองมีค�าพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๓๑๐-๓๑๑/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔ โดยศาล
           ปกครองมีค�าพิพากษายกฟ้อง เพราะเหตุที่ว่าประกาศของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๑ เรื่อง
           หลักเกณฑ์การสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรทันตแพทยศาสตร-

           บัณฑิต ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ผ่านระบบรับตรง ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย มิได้จ�ากัดสิทธิผู้ร้อง
           ในอันที่จะสมัครสอบคัดเลือกตามประกาศดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ร้องจะมีสิทธิเข้าสอบคัดเลือกนั้นต้อง
           ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก�าหนดในประกาศนั้นด้วย เมื่อผู้ร้องมิได้ปฏิบัติตำมหลักเกณฑ์ วิธี

           กำรและเงื่อนไขดังกล่ำว กำรที่ผู้ร้องถูกตัดสิทธิเข้ำสอบจึงมิใช่เป็นกำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม หรือเป็นการ
           จ�ากัดสิทธิในการได้รับการพัฒนาสติปัญญา หรือเป็นการจ�ากัดสิทธิเสรีภาพทางการศึกษาอบรมหรือการเรียน ตาม
           รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๐ มาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๒ แต่อย่างใด และ

           ค�าสั่งทุเลาการบังคับตามค�าสั่งฯ เป็นอันสิ้นผลนับแต่มีค�าพิพากษา




                                                         50
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56