Page 41 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 41

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ



                                                         ๓

               ค�าร้องที่ ๗๒/๒๕๕๔: กรณีคนพิการไม่ได้รับสิทธิให้เข้าท�าประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน


               ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องเป็นคนพิการทางสายตา ต่อมา ได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งเป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อ
           เกษตรกรรม แต่เจ้าของเดิมยังไม่ได้ด�าเนินการขอเอกสารสิทธิให้เข้าท�าประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ผู้ร้อง

           จึงไปด�าเนินการเพื่อขอออกเอกสารสิทธิ โดยเจ้าหน้าที่ส�านักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดตราดแจ้งว่าไม่สามารถใช้ชื่อ
           ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดิน ส.ป.ก. ได้ เนื่องจากระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์

           วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกเกษตรกร ซึ่งจะมีสิทธิได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕
           ก�าหนดไว้ว่า ผู้ที่มีสิทธิเข้าท�าประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. จะต้องเป็นผู้มีร่างกายสมบูรณ์ ผู้ร้องเห็นว่า ตนสามารถท�าการ
           เกษตรได้ ระเบียบดังกล่าวเป็นระเบียบที่จ�ากัดสิทธิ

               คณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านกฎหมายและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม พิจารณา
           ข้อเท็จจริงประกอบหลักกฎหมาย เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๐ พระ
           ราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๒๐ รวมทั้ง

           ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ ๒ (๑) และข้อ ๗ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการ
           เมือง ข้อ ๒๖ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ข้อ ๒ และ ข้อ ๕ แล้วเห็นว่า ระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
           เกษตรกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกเกษตรกร ซึ่งจะมีสิทธิได้รับที่ดินจากการปฏิรูป

           ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๖ (๔) ก�าหนดไว้ว่า ว่าผู้ที่มีสิทธิเข้าท�าประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. จะต้องเป็น
           ผู้มีร่างกายสมบูรณ์ โดยเจ้าหน้าที่ส�านักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดตราดตีความหมายรวมถึงคนพิการทุกประเภท

           ซึ่งกำรตีควำมดังกล่ำวเป็นกำรตีควำมอย่ำงแคบ ท�ำให้ผู้ร้องถูกจ�ำกัดสิทธิและเสียสิทธิในการเข้าท�าประโยชน์
           ในเขตปฏิรูปที่ดิน ทั้งที่ผู้ร้องยังมิได้มีการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา เนื่องจากในการประกอบอาชีพ
           เกษตรกรรม บุคคลที่สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ ควรพิจารณาในเรื่องของความสามารถในการประกอบ

           อาชีพเป็นหลักมากกว่าการพิจารณาจากสภาพร่างกายของบุคคล โดยกรณีที่คนพิการที่เป็นเกษตรกร ถึงแม้ว่าจะ
           มีความผิดปกติหรือบกพร่องทางด้านร่างกาย แต่หากยังมีความสามารถในการประกอบเกษตรกรรมได้ และเป็น

           เกษตรกรตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการ
           คัดเลือกเกษตรกร ซึ่งจะมีสิทธิได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังนั้น ในการให้ค�าจ�ากัด
           ความตามระเบียบดังกล่าวข้อ ๖ (๔) ค�าว่า “มีร่างกายสมบูรณ์” ควรมีการก�าหนดความหมายและแนวทางปฏิบัติ

           ที่ชัดเจน เพื่อมิให้เป็นการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในการตีความข้อกฎหมายและท�าให้เกิดการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
               คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อส�านักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการ
           เกษตรกรรมว่า สมควรให้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมหรือพิจารณาทบทวนระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อ

           เกษตรกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกเกษตรกร ซึ่งจะมีสิทธิได้รับที่ดินจากการปฏิรูป
           ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๖ (๔) เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
           ๒๕๕๐ มาตรา ๓๐ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔ มาตรา ๑๕

           และมาตรา ๒๐ รวมทั้งปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ ๒ (๑) และข้อ ๗ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ
           พลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ ๒๖ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ข้อ ๒ และ ข้อ ๕ ในการไม่เลือกปฏิบัติต่อ

           บุคคลเพราะเหตุแห่งความพิการ (รายงานผลการพิจารณา ที่ ๒/๒๕๕๕)







                                                         40
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46