Page 15 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 15

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ





          บางอย่าง กฎหมายต่างประเทศก�าหนดไว้โดยเฉพาะ แต่ส�าหรับประเทศไทยยังไม่มีการก�าหนดเฉพาะ เช่น ประวัติการ
          กระท�าความผิดทางอาญา เป็นต้น ซึ่งแม้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไม่พบว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
          หรือเป็นการเลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม เหตุนี้อาจยังเป็นที่ถกเถียงและมีประเด็นเกี่ยวกับหลักคุณสมบัติความจ�าเป็น

          ส�าหรับงานนั้นด้วย
                      ดังนั้น จะเห็นได้ว่ากฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องยังไม่ครอบคลุมการเลือกปฏิบัติในขอบเขตของกฎหมาย
          สิทธิมนุษยชน เนื่องจากขาดกฎหมายกลางที่จะใช้กับกรณีที่นอกเหนือจากขอบเขตของกฎหมายเฉพาะดังกล่าว อันจะ

          น�าไปสู่ข้อเสนอแนะต่อไป



                  (๓) รูปแบบการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ (Model of Discrimination Laws)
                      ผลการศึกษาวิเคราะห์หลักกฎหมายต่างประเทศ พบว่า มีรูปแบบการบัญญัติกฎหมายที่แตกต่างกัน
          ในการวางกฎเกณฑ์เกี่ยวกับความเท่าเทียมกันและการห้ามเลือกปฏิบัติ ผู้วิจัยจึงได้ท�าการจ�าแนกตัวแบบ (Model)

          ของการก�าหนดกฎหมาย  โดยพิจารณาจากปัจจัยส�าคัญ  ๒  ประการ  ได้แก่  เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ  (Grounds  of
          Discrimination) และมิติของการเลือกปฏิบัติ (Area of Discrimination) ซึ่งอาจจ�าแนกได้ ๓ รูปแบบหลัก ดังนี้

                      รูปแบบที่ ๑ บัญญัติกฎหมายเฉพาะฉบับเดียวเกี่ยวกับการห้ามเลือกปฏิบัติ ซึ่งมีลักษณะเป็นกฎหมาย
          กลาง กล่าวคือ ครอบคลุมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติหลายเหตุ และครอบคลุมมิติของการเลือกปฏิบัติหลายมิติ เช่น การ
          ตรากฎหมายสิทธิมนุษยชน  วางหลักห้ามเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ  อายุ  เชื้อชาติ  สีผิว  โดยครอบคลุมการเลือก

          ปฏิบัติในมิติการจ้างแรงงาน การศึกษา การได้รับบริการและสินค้า
                      รูปแบบที่ ๒ บัญญัติกฎหมายเฉพาะหลายฉบับ แต่ละฉบับครอบคลุมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติเฉพาะ
          บางเหตุ และครอบคลุมมิติของการเลือกปฏิบัติเฉพาะบางมิติ ส�าหรับในรูปแบบนี้ ยังอาจจ�าแนกพิจารณาได้ ๓ กรณี

          ย่อย ได้แก่
                      • กรณีแรก กฎหมายที่คุ้มครองเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติเพียงเหตุเดียว และครอบคลุมมิติของการเลือก
                        ปฏิบัติเพียงมิติเดียว เช่น กฎหมายคุ้มครองการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการในการศึกษา กฎหมายลักษณะนี้

                             จะครอบคลุมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติเฉพาะเหตุด้านความพิการ  และครอบคลุมมิติของการเลือก
                          ปฏิบัติเฉพาะมิติทางการศึกษา

                      • กรณีที่สอง กฎหมายที่คุ้มครองเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติเพียงเหตุเดียว แต่ครอบคลุมมิติของการเลือก
                         ปฏิบัติหลายมิติ เช่น กฎหมายคุ้มครองการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ โดยมีขอบเขตห้ามเลือกปฏิบัติต่อ
                          คนพิการในหลายมิติ เช่น การศึกษา การจ้างแรงงาน การเข้าถึงสินค้าและบริการ

                      • กรณีที่สาม กฎหมายที่มีขอบเขตเฉพาะการเลือกปฏิบัติมิติหนึ่ง แต่ครอบคลุมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ
                         หลายเหตุ เช่น กฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับแรงงาน วางหลักห้ามการเลือกปฏิบัติด้านแรงงานด้วยเหตุ

                          แห่งเพศ ความพิการ อายุ ศาสนา เป็นต้น
                      รูปแบบที่ ๓ มีลักษณะผสมผสานระหว่างรูปแบบที่ ๑ และ รูปแบบที่ ๒ กล่าวคือ มีการก�าหนดกฎหมาย
          กลางที่ครอบคลุมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติหลายเหตุ และครอบคลุมมิติของการเลือกปฏิบัติหลายมิติ อย่างไรก็ตาม

          นอกจากกฎหมายกลางนี้แล้ว ยังมีกฎหมายฉบับอื่น ๆ ที่มีลักษณะเป็นกฎหมายเฉพาะส�าหรับการห้ามเลือกปฏิบัติ
          ในบางมิติ  หรือบางเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ  จากการศึกษาพบว่า  การบัญญัติกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกเลือกปฏิบัติใน
          ต่างประเทศ มักจะใช้รูปแบบที่ ๓






                                                          14
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20