Page 18 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 18

กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ





               กฎหมายว่า  “การปฏิบัติที่แตกต่างกัน”  (Differentiation หรือ Differential Treatment) โดยไม่น�าองค์ประกอบ
               “เป็นธรรม” (Fair) มาใช้ในการจ�าแนกระหว่างการปฏิบัติทั้งสองอย่างดังกล่าว



                            ประการที่สี่ การบัญญัติหลักการเกี่ยวกับ“เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ”
                            จากการศึกษาวิเคราะห์กฎหมายระหว่างประเทศ  กฎหมายต่างประเทศ  ในประเด็นของเหตุแห่งการ
               เลือกปฏิบัติ เปรียบเทียบกับกฎหมายไทย พบว่ายังมีปัญหาการระบุเหตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติตาม

               รัฐธรรมนูญ จึงมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
                        • เพิ่มเติมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติบางประการให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชน

               ระหว่างประเทศ เช่น ก�าหนดเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติให้ครอบคลุม “ความคิดเห็นอื่นใด” นอกเหนือจาก “ความคิดเห็น
               ทางการเมือง” รวมทั้งก�าหนดเหตุครอบคลุม “ความเชื่ออื่น” นอกจากความเชื่อทาง “ศาสนา”
                        • เพิ่มเติมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติบางประการให้ครอบคลุมกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ตามแนวทางของ

               กฎหมายต่างประเทศ เช่น ประวัติอาชญากรรม การให้นมบุตรจากอกแม่ รวมทั้งก�าหนดแจกแจงเหตุแห่งการเลือก
               ปฏิบัติบางกรณีให้ชัดเจนขึ้น เช่น เหตุแห่ง “เพศ” นั้น เสนอว่าตามกฎหมายหลักเช่นรัฐธรรมนูญควรระบุรายละเอียด

               เช่น รสนิยมทางเพศ อัตลักษณ์ทางเพศ เป็นต้น


                        อย่างไรก็ตาม  ส�าหรับเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติบางอย่าง  ซึ่งไม่ได้มีการระบุไว้ชัดแจ้งตามรัฐธรรมนูญ  เช่น

               ประวัติอาชญากรรม ผู้ติดเชื้อเอชไอวี การให้นมบุตรจากอกแม่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในแง่หนึ่ง หากพิจารณากฎหมาย
               สิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ จะเห็นได้ว่า เหตุบางเหตุ เช่น การให้นมบุตรจากอกแม่ เอชไอวี ประวัติอาชญากรรม
               มิได้ปรากฏอยู่ในเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติที่ไทยมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม  แต่ในอีกแง่หนึ่งนั้น  อาจพิจารณาได้ว่าเหตุ

               ดังกล่าวมีความส�าคัญและการน�าเหตุดังกล่าวมาปฏิบัติต่อบุคคลแตกต่างกันนั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานของบุคคล
               ในด้านต่าง ๆ เช่น การประกอบอาชีพ การใช้บริการต่าง ๆ ดังนั้น ก็ควรมีการคุ้มครองความเท่าเทียมกันของบุคคลที่
               อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย จึงมีข้อเสนอแนะ ๒ แนวทาง ดังนี้

                        •  แนวทางแรก  ไม่ก�าหนดหรือระบุเหตุเหล่านี้เป็นเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติไว้อย่างชัดแจ้งในกฎหมาย  แต่
               ใช้วิธีการตีความ ให้อยู่ในเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ เช่น ตีความประวัติอาชญากรรมว่าอยู่ในเหตุ “สถานะของบุคคล”

               ตีความผู้ติดเชื้อเอชไอวีว่าอยู่ในเหตุ “สุขภาพ” ส�าหรับการให้นมบุตรจากอกแม่ ตีความว่าอยู่ในเหตุ “เพศ” เป็นต้น
                        • แนวทางที่สอง เสนอให้มีการบัญญัติเพิ่มเติมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติบางอย่างเหล่านี้ไว้ให้ชัดเจนใน
               กฎหมาย เช่น เพิ่มเติมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติเหล่านี้ไว้ในรัฐธรรมนูญ รวมทั้งอาจจ�าต้องมีการตรากฎหมายล�าดับรอง

               เป็นการเฉพาะส�าหรับการห้ามเลือกปฏิบัติด้วยเหตุเหล่านี้  เช่น  แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายคุ้มครองแรงงานโดยการเลือก
               ปฏิบัติด้วยเหตุดังกล่าว



                        (๓) ข้อเสนอในการต่อยอดการวิจัย
                            จากผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงสภาพปัญหาของกฎหมายไทยปัจจุบันซึ่งยังไม่ครอบคลุมการเลือกปฏิบัติ

               ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน จึงน�าไปสู่ข้อเสนอแนะในการบัญญัติกฎหมายกลาง อย่างไรก็ตาม ขอบเขตของงานวิจัยนี้
               ยังไม่ครอบคลุมถึงการน�าเสนอร่างกฎหมายกลางดังกล่าวในรายละเอียด จึงควรมีการศึกษาวิเคราะห์จัดท�าร่าง
               กฎหมายกลางเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติเพื่อด�าเนินการรับฟังความคิดเห็นและเข้าสู่กระบวนการเสนอกฎหมายตาม

               ล�าดับต่อไป



                                                             17
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23