Page 212 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 212
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
บทบาทที่ผ่านมาประการหนึ่งคือ การสนับสนุนภาครัฐให้จัดทําแผน NAP โดยทาง กสม. ได้เข้าไปให้
คําแนะนํากับภาครัฐโดยใช้กรณีศึกษาของต่างประเทศเพื่อชักจูงให้ภาครัฐริเริ่มที่จะจัดทําขึ้น นอกจากนี้
ภายหลังกลไก UPR ที่ประเทศรับข้อเสนอแนะจากผู้แทนจากประเทศสวีเดน ทําให้ในปัจจุบันภาครัฐได้ริเริ่ม
ดําเนินการจัดทําแผน NAP โดยให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการประสานความร่วมมือและจัดทํา
บทบาทของ กสม. ที่สําคัญเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ คือ การให้คําปรึกษาในการจัดทําแผน NAP
โดยการให้คําปรึกษานั้น กสม. สามารถที่จะให้ข้อมูลแก่รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้องเรียนต่างๆ ที่ กสม. ได้รับ
และตรวจสอบเพื่อให้ภาครัฐนํามาใช้ในกระบวนการ National Baseline Assessment ก่อนที่จะทําแผน
NAP ทั้งนี้ กสม. ไม่สมควรจะเข้าไปทําเอง เพราะ กสม. มีอํานาจในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
หากเข้าไปทําแผน NAP เอง ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องความขัดกันในหน้าที่ได้
บทบาทที่สําคัญของ กสม. คือ การให้ข้อเสนอแนะการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้กับภาครัฐ ภายหลัง
การตรวจสอบข้อร้องเรียนการละเมิดสิทธิ ซึ่งมักจะให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเป็นเรื่องๆ ของการร้องเรียน
ทั้งนี้ บทบาทที่ กสม. สามารถดําเนินการเพื่อหนุนเสริมเพื่อให้เกิดประสิทธิผลในระดับที่สูงมากขึ้น ประกอบไป
ด้วย 1) การประมวลข้อสรุปจากเรื่องร้องเรียนออกมาเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การ
ประมวลผลปัญหาและอุปสรรคที่มักจะเกิดขึ้นในกรณีที่ร้องเรียนที่คล้ายคลึงกัน เช่น ผลกระทบของสังคม
ผู้สูงอายุนําไปสู่การขาดแคลนแรงงาน หรือการขยายอายุงานก่อนการเกษียณ ปัญหาในทางปฏิบัติจากการ
จัดทํารายงาน EIA/EHIA และ 2) การมุ่งเน้นตรวจสอบประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนเฉพาะเรื่องที่สําคัญที่
เกิดขึ้นในช่วงของแผนกลยุทธ์ (เช่น โครงการขนาดใหญ่ แย่งชิงฐานทรัพยากร การทําลายสิ่งแวดล้อม) และ
การตรวจสอบผลการดําเนินงานของภาครัฐ (เช่น ภาครัฐมีกลไกการคุ้มครองและเยียวยาในทางปฏิบัติเป็น
อย่างไรกับแรงงานต่างด้าว การปฏิบัติของภาครัฐตามหลักการ UNGP มีมากน้อยเพียงใด ภาครัฐรวมถึงภาค
กระบวนการยุติธรรมมีกลไกตรวจสอบตนเองเพียงใด) นอกจากนี้ กสม. ควรที่จะพิจารณาถึงกลไกการ
ตรวจสอบของภาครัฐ เช่น กลไกการควบคุมรัฐวิสาหกิจในการคุ้มครองและเคารพสิทธิมนุษยชนนั้นเป็น
อย่างไร
นอกจากนี้ กสม. ยังมีการดําเนินการเพื่อสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อดูแลและจัดการ
ปัญหา เช่น การสร้างกรอบเจรจากับรัฐบาลเพื่อนําไปสู่การจัดให้มีนโยบายและการปฏิบัติที่แท้จริง ซึ่งการ
สร้างความร่วมมือดังกล่าวควรที่จะพัฒนาให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นใน 3 รูปแบบ ดังนี้ 1) การสนับสนุนเชิงเทคนิค
และการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ (เช่น การให้ความรู้ในกระบวนการเยียวยาของศาลและภาครัฐ
อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การผลักดันแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดน ทั้งมิติทุนต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศ และทุนไทยที่
ไปลงทุนยังต่างประเทศ ความเสี่ยงจากการใช้เทคโนโลยีอันจะนําไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและปัญหา
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่ต้องอาศัยการเจรจาระหว่างรัฐเพื่อร่วมมือกัน
จัดการปัญหา บริการทางการแพทย์ที่อาจจะทําให้เข้าถึงและได้รับการบริการได้อย่างจํากัด การทําความตกลง
ทางการค้าระหว่างประเทศที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและให้คําปรึกษา ปัญหาสิ่งแวดล้อมและ
4-65

