Page 209 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 209
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
อดีตไม่ค่อยได้รับการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากนัก เนื่องจากเห็นว่า กสม. ยังมีปัญหาในเรื่อง
ของความเชี่ยวชาญของบุคลากรเฉพาะเรื่องที่ยังไม่รู้วิธีการดําเนินงานที่ถูกต้อง รวมทั้งมองว่า
สัดส่วนของเรื่องร้องเรียนกับบุคลากรยังไม่สมดุลกัน
3) ประสบการณ์การเข้าไปร้องทุกข์ในอดีตของภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิต่างๆ เช่น
สิทธิแรงงาน พบว่า การร้องทุกข์ไม่ค่อยได้รับการตอบสนองหรือแจ้งความคืบหน้าของการ
ดําเนินการตรวจสอบมากนัก บางกรณีมีระยะเวลาในการตอบกลับเรื่องราวร้องทุกข์ค่อนข้างนาน
(เช่น ใกล้ครบวาระ 4 ปีของกรรมการ กสม. ถึงได้รายงานตอบกลับ) จนปัญหาอาจจะเลยหรือ
ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไปแล้ว ตลอดจนการดําเนินการตรวจสอบ การรับเรื่องร้องทุกข์
การลงพื้นที่ประสบเหตุของ กสม. จะดําเนินการติดต่อไปคนละกลุ่มกับผู้ร้อง ทําให้การดําเนินการ
ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร
และในลําดับสุดท้าย เพื่อที่จะทําให้การศึกษาวิจัยได้ทราบถึงแผนกลยุทธ์เป้าหมายที่ภาคส่วนต่างๆ
อยากให้ กสม. ดําเนินการในอนาคต คณะผู้วิจัยจึงได้สอบถามผู้เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับบทบาทที่ควรจะเป็น
ของ กสม. พบว่ามีประเด็นที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นดังต่อไปนี้
1) ผู้เข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อยได้แสดงความคิดเห็นถึงแนวทางการดําเนินกลยุทธ์ของ กสม. ว่าควร
ดําเนินกลยุทธ์ แผนงานการตรวจสอบปัญหาข้อร้องเรียนในประเด็นสิทธิต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น
ประเด็นสิทธิผู้บริโภค โดยอาจจะใช้หลักการมาตรฐานสากลต่างๆ เป็นตัวตั้งในการตรวจสอบ
(เช่น ยึดเอาหลักสิทธิผู้บริโภคตามรัฐธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย 5 ประการ และหลักสิทธิ
ผู้บริโภคสากล 8 ประการเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาตรวจสอบปัญหาข้อร้องเรียน)
2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานภายในองค์กร ผู้เข้าร่วมประชุมแสดงความเห็นว่า กสม. ควร
จะมีแนวทางการกําหนดมาตรฐานของบุคลากรที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการ กสม. ให้เป็น
บุคลากรที่มีความรู้ครอบคลุมถึงปัญหาต่างๆ ทุกเรื่อง เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบ
ข้อร้องเรียนและครอบคลุมการปกป้องสิทธิต่างๆ ในทุกๆ ชนชั้นอาชีพ นอกจากนี้อยากที่จะให้
กสม. ปรับเปลี่ยนวิธีการร้องทุกข์ให้ชาวบ้าน หรือที่ปรึกษาในการร้องทุกข์สามารถเข้าไปร้องทุกข์
และมีการตรวจสอบข้อร้องทุกข์ย้อนหลังได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย
3) กสม. ควรกําหนดคําจํากัดความของสิทธิมนุษยชนที่องค์กรให้ความสําคัญในการตรวจสอบให้
ชัดเจนว่าอยู่ในขอบเขตไหนบ้าง โดยมีข้อสังเกตว่าบทบาทของ กสม. ควรจะมีความชัดเจน ไม่ใช่
ดําเนินการไปทั่วในขณะที่มีองค์กรประจําทําหน้าที่อยู่แล้ว เพราะการทํางานเหลื่อมกันไม่น่าจะ
เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
4) ทางออกที่ดีที่สุดของ กสม. ในการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจตระหนักถึงความสําคัญของหลักสิทธิ
มนุษยชน คือ การทํางานร่วมกับภาคธุรกิจ โดย กสม. ควรกําหนดออกมาเลยว่าภาคธุรกิจกลุ่ม
4-62