Page 206 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 206
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
1) การที่ภาคประชาสังคมทํางานของตนได้เป็นอย่างดี ก็เพราะภาครัฐและภาคธุรกิจยังคงอ่อนแอ
อย่างไรก็ดี การตรวจสอบอาจจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลไม่รอบด้าน จึงควรที่จะต้องมีกลไก
บางประการมากํากับการดําเนินการของภาคประชาสังคม และยังคงเปิดกว้างการทํางานร่วมกัน
กับภาคประชาสังคมต่อไป ทั้งนี้ ภาคธุรกิจยังคงเต็มใจเปิดรับกับภาคประชาสังคมต่อไป
นอกจากนี้ การปรึกษาหารือเพื่อยกระดับมาตรฐานสากล การผนึกกําลัง (synergy) ของทุกภาค
ส่วนยังคงมีความจําเป็น รวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ด้วย
2) การให้รางวัลกับภาคธุรกิจหากเป็นการพิจารณาโดยรอบคอบ 360 องศา ก็ย่อมจะเป็นผลดีต่อ
บริษัทที่ได้รับรางวัล แต่หากไม่เป็นอย่างนั้น ก็จะส่งผลร้ายให้กับบริษัทเพราะจะถูก
วิพากษ์วิจารณ์มากกว่าจะได้รับคําชมเชย ซึ่งก็อาจจะไปกระทบต่อภาพลักษณ์และความ
น่าเชื่อถือของบริษัทนั้นๆ
3) การจัดตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ยนอกศาลมีผลดีตรงที่ใช้เวลาน้อยกว่า ส่งผลดีต่อบริษัทและคู่
ขัดแย้ง
4) โรงงานอุตสาหรรมขนาดใหญ่มักจะประสบปัญหาในเรื่องของการอนุมัติหรืออนุญาตซึ่งจะต้อง
ผ่านหน่วยงานราชการในระดับท้องถิ่นและจังหวัด และบางครั้งชุมชนไม่ได้ไปรับรู้ด้วยนําไปสู่การ
ร้องเรียนหรือการตรวจสอบ ซึ่ง กสม. ควรจะเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความ
เข้าใจให้กับชุมชนให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
5) กสม. ไม่ได้เป็นองค์กรแรกที่ภาคธุรกิจนึกถึงเวลาที่มีปัญหาด้านการประกอบธุรกิจและสิทธิ
มนุษยชน ทั้งนี้อาจจะยังไม่ได้เป็นที่รู้จัก หรือไม่ทราบถึงอํานาจและภารกิจของ กสม. ดังนั้น
กสม. จึงจําเป็นที่จะต้อง rebrand ตนเองขึ้นมาใหม่ให้ภาคสาธารณะและภาคธุรกิจได้รู้จัก
6) กสม. ไม่ควรที่จะจัดทําแค่ข้อเสนอแนะให้กับภาครัฐ แต่ควรจะมี collective action เพื่อจะได้
แก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง
7) กสม. ควรเข้าไปมีส่วนร่วมในคณะกรรมการระดับชาติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนและ
การใช้แรงงาน
8) กลไกการร้องเรียนและตรวจสอบควรจะให้ความสําคัญและดําเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ใน
การบูรณาการแก้ไขปัญหามักจะมี 2 มิติ คือ ความจริงที่ไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือ และความ
จริงที่ทุกๆ ฝ่ายสบายใจ ซึ่งการประชุมร่วมกันส่วนใหญ่มักแต่จะหยิบยกเรื่องที่สบายใจมาหารือ
ทําให้ปัญหามันยังมีอยู่ และไม่ได้รับการแก้ไข
9) โครงการนําร่อง UNGP ควรจะจําแนกว่าธุรกิจสาขาใดที่มีผลกระทบจริงๆ และเสนอให้ กสม. ให้
ความสําคัญ โดยส่วนตัวมองว่า กสม. ควรจะพิจารณาภาคการส่งออกเป็นหลักก่อนเพราะมี
4-59