Page 86 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 86
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
๓ สถานการณ์ปี ๒๕๕๘
รัฐบาลได้ประกาศพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยสาระส�าคัญ
ของพระราชบัญญัติได้ก�าหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะ เช่น การก�าหนดนิยาม “การชุมนุมสาธารณะ” และการชุมนุม
บางประเภทที่ได้รับยกเว้นไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายฉบับนี้ การก�าหนดขั้นตอนการแจ้งการชุมนุมสาธารณะก่อนการชุมนุม การก�าหนด
สถานที่ต้องห้าม มิให้จัดการชุมนุมในรัศมี ๑๕๐ เมตร การจ�ากัดเวลาในการชุมนุมหรือปราศรัยและการใช้เครื่องขยายเสียง การห้าม
เคลื่อนย้ายการชุมนุมในเวลากลางคืน การก�าหนดหน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุม และบทก�าหนดโทษในกรณีต่าง ๆ ส�าหรับผู้ฝ่าฝืน
ซึ่งมีทั้งโทษจ�าคุกและปรับ เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ กสม. ได้มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมายพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ
พ.ศ. .... ว่า ไม่ควรใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงควบคู่กับกฎหมายชุมนุมสาธารณะ ไม่ควรแปลความบทบัญญัติแห่งร่างพระราชบัญญัติฯ
จนไม่อาจชุมนุมสาธารณะได้ ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่อ�านวยความสะดวกและจัดสถานที่ชุมนุมสาธารณะ การก�าหนด
ให้การชุมนุมสาธารณะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ไม่สอดคล้องกับหลักการตามกติกา ICCPR และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
ไทย การให้รัฐมนตรีอาจประกาศเพิ่มเติมพื้นที่ห้ามชุมนุมเป็นการก�าหนดเงื่อนไขเกินสมควรและให้ดุลยพินิจแก่รัฐมนตรีมากเกินไป
การให้ผู้ชุมนุมต้องมีหนังสือแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนชุมนุมเท่ากับเป็นการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีอ�านาจอนุญาตการชุมนุม การก�าหนดหน้าที่
ของผู้จัดการชุมนุมไว้หลายประการ บางมาตราไม่อาจปฏิบัติได้ ไม่สอดคล้องกับหลักการตาม ICCPR และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
ไทย การให้การกระท�าตามร่างพระราชบัญญัติฯ ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองนั้น เห็นว่า ข้อพิพาทจาก
การชุมนุมอาจเป็นข้อพิพาททางปกครอง แพ่ง อาญา จึงไม่ควรบัญญัติให้เหตุที่เกิดขึ้นทุกคดีอยู่ภายใต้ศาลใดศาลหนึ่ง
ในปี ๒๕๕๘ มีกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐได้เข้าไปด�าเนินการให้เป็นไป นอกจากนี้ นักวิชาการกว่า ๓๐๐ คน ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ บทที่ ๓ สถานการณ์สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ตามกฎหมาย และประกาศ/ค�าสั่ง คสช. ที่มีผลกระทบต่อสิทธิ เรื่อง “มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร” และนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง
และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหลายกรณี โดยเฉพาะการ ได้ถูกหมายเรียกในข้อหาร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง
แสดงความเห็นในด้านการเมืองและการต่อต้านการรัฐประหาร ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ โดยโครงการอินเทอร์เน็ต
ทั้งการสัมมนา การแสดงความคิดเห็น และจัดกิจกรรมของ เพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) รายงานว่า ในปี ๒๕๕๘ การด�าเนิน
นักวิชาการในสถาบันการศึกษาและนักศึกษา ทั้งโดยกลุ่มที่มีแนวคิด การของเจ้าหน้าที่รัฐในลักษณะ “ปรับทัศนคติ” ยังมีอย่างต่อเนื่อง
ต่อต้านรัฐประหารและกลุ่มกิจกรรมทั่วไป มีการสั่งให้ยุติกิจกรรม และมีการใช้รูปแบบวิธีอื่นนอกเหนือจากการเชิญตัวไปพบ เช่น
การเปลี่ยนชื่องาน การขอให้เจ้าหน้าที่รัฐร่วมเป็นวิทยากร ตลอดจน การไปเยี่ยมบ้าน โดยมีผู้ที่อยู่ในข่ายดังกล่าวไม่น้อยกว่า ๒๓๘ คน
การส่งเจ้าหน้าที่ทหารและต�ารวจเข้าไปสังเกตการณ์ เช่น การให้ยกเลิก มีคดีข้อหาการชุมนุมทางการเมือง จ�านวน ๓๗ คดี อนึ่ง มีผู้ที่
การจัดกิจกรรม เรื่อง“รัฐธรรมนูญไทยเอาไงดี”จัดโดยกลุ่มภาคี ถูกด�าเนินคดีฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
เครือข่ายนักกิจกรรมนักศึกษาเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามค�าแหง ๑๑๒ จ�านวน ๓๗ คน (ที่ยืนยันได้) ตั้งแต่การแสดงความเห็น การ
การให้งดกิจกรรมฉายภาพยนตร์ “บางแสนรามา ๒๐๑๕” จัดโดย เผยแพร่ข้อความ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมผลิตและการเผยแพร่
นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และถูกสงสัยว่าจะก่อเหตุรุนแรงในช่วงเวลาส�าคัญ ทั้งนี้ ศาลยุติธรรม
การให้เปลี่ยนหัวข้องานจัดเสวนาเรื่อง” โดยกลุ่มขบวนการ (ในทุกชั้น) และศาลทหารได้มีค�าพิพากษาต่อความผิดฐานดังกล่าว
ประชาธิปไตยใหม่ การห้ามพูดประเด็นเกี่ยวกับการเมืองในงาน รวมถึงเป็นคดีที่พ่วงความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการ
เสวนา เรื่อง “เพศสภาวะในสังคมสมัยใหม่ (Gender & LGBTIQs in กระท�าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และการฝ่าฝืน
Modern Society)” ที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัย ประกาศ คสช. ตลอดจนข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมาย
เชียงใหม่ การให้ยุติงานเสวนา เรื่อง “ท�าไมต้องน�า ม. ออก อาญามาตรา ๑๑๖ รวมทั้งสิ้นอย่างน้อย ๑๗ คดี โดยค�าพิพากษา
นอกระบบ” ของกลุ่มลูกชาวบ้าน มหาวิทยาลัยบูรพา ฯลฯ มีตั้งแต่การยกฟ้อง การลงโทษจ�าคุก แต่ให้รอลงอาญา ลดโทษ
อย่างไรก็ดี การด�าเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นไปในลักษณะ ไปจนถึงจ�าคุกโดยไม่รอลงอาญา
การเจรจาขอความร่วมมือมากกว่าที่จะเป็นการห้ามหรือปิดกั้น
56