Page 189 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 189
ในกรณีอัยการเป็นผู้เริ่มคดี 439 อัยการสามารถเริ่มคดีเองได้ตามหลักการสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง
440
(proprio motu) ทั้งนี้ อัยการจะต้องวิเคราะห์ความหนักแน่นของข้อมูลที่ได้รับ เพื่อความมุ่งประสงค์นี้ อัยการอาจแสวงหา
ข้อมูลเพิ่มเติมจากรัฐ องค์กรของสหประชาชาติ องค์การระหว่างรัฐบาล หรือองค์การที่มิใช่รัฐบาล หรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออื่นๆ
ที่อัยการเห็นสมควร และอาจได้รับค�าเบิกความเป็นลายลักษณ์อักษร หรือค�าเบิกความด้วยวาจา ณ ที่ตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศ 441
อย่างไรก็ตาม ดังที่ก�าหนดไว้ในข้อ ๑๒ วรรคสอง ของธรรมนูญกรุงโรมฯ การใช้เขตอ�านาจศาลอาญา
ระหว่างประเทศโดยการเริ่มคดีโดยรัฐภาคีและโดยอัยการ ตกอยู่ภายใต้ “เงื่อนไขบังคับก่อน” (preconditions) หากรัฐดังต่อไปนี้
442
รัฐใดรัฐหนึ่งหรือมากกว่าเป็นภาคีของธรรมนูญกรุงโรมฯ หรือยอมรับเขตอ�านาจของศาล
ก) รัฐเจ้าของดินแดนซึ่งการกระท�าที่เป็นปัญหาได้เกิดขึ้นในดินแดนหรือรัฐที่จดทะเบียนเรือหรือ
อากาศยาน หากอาชญากรรมได้กระท�าขึ้นบนเรือหรืออากาศยานดังกล่าว
ข) รัฐซึ่งบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าประกอบอาชญากรรมถือสัญชาติ โดยนัยดังกล่าว จะเห็นได้ว่าธรรมนูญ
กรุงโรมฯ เปิดโอกาสให้รัฐที่ยังมิได้ให้สัตยาบันหรือแสดงความยินยอมที่จะผูกพันตามธรรมนูญกรุงโรมฯ (Non-State Party) ใช้สิทธิ
ประโยชน์ตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ ก่อนที่รัฐจะให้สัตยาบันหรือแสดงความยินยอมใดๆ ได้โดยส่งมอบค�าประกาศให้แก่
นายทะเบียนประจ�าศาลอาญาระหว่างประเทศ อันเป็นการแสดงเจตนายอมรับอ�านาจศาลส�าหรับกรณีอาชญากรรมร้ายแรงคดีใด
คดีหนึ่ง (ที่อยู่ในเขตอ�านาจของศาล) หรือยอมรับอ�านาจศาล “เป็นการเฉพาะคราว” (ad hoc acceptance) ก็ได้ ดังที่ก�าหนด
443
ไว้ในข้อ ๑๒ วรรคสาม แห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ ในกรณีเช่นนั้น ศาลอาญาระหว่างประเทศก็จะมีเขตอ�านาจเหนือความผิดหรือ
อาชญากรรมที่ได้กระท�าบทที่ ๕ ขึ้นในรัฐนั้นได้โดยทันที การเสนอเรื่องดังกล่าวยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตจ�านงของรัฐ (ที่ยังมิได้
ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมฯ นั้น) ที่จะผูกพันตามธรรมนูญกรุงโรมฯ ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศยังอาจปฏิบัติหน้าที่และใช้อ�านาจตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ
เหนือดินแดนของรัฐภาคี และเหนือดินแดนของรัฐอื่นใดตาม “ความตกลงพิเศษ” (special agreement) อีกด้วย 444
ดังนั้น แม้ประเทศไทยจะยังมิได้ผูกพันตามธรรมนูญกรุงโรมฯ อย่างเป็นทางการหรือในทางกฎหมาย และ
ยังมิได้อยู่ภายใต้เขตอ�านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่ประเทศไทยก็สามารถที่จะยอมรับอ�านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ
ส�าหรับปัญหาการก่ออาชญากรรมร้ายแรงจากการด�าเนินนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลที่มี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ อันจะเป็นการแสดงเจตนาของประเทศไทยที่จะยอมรับอ�านาจศาลอาญาระหว่างประเทศ
ส�าหรับคดีดังกล่าวเป็นการเฉพาะเจาะจง
439
Rome Statute, Article 13 (c) Exercise of jurisdiction
“The Court may exercise its jurisdiction with respect to a crime referred to in article 5 in accordance with the provisions of this Statute
if: (c) the Prosecutor has initiated an investigation in respect of such a crime in accordance with article 15.”.
Rome Statute, Article 15 Prosecutor, paragraph 1
“The Prosecutor may initiate investigations proprio motu on the basis of information on crimes within the jurisdiction of the Court.”
440
ตัวอย่างของการเริ่มคดีโดยอัยการ เช่น กรณีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในประเทศไอเวอรี่โคสต์ กรณีการก่ออาชญากรรมสงครามใน
ประเทศโคลัมเบีย กรณีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในประเทศเคนยา
441
Rome Statute, Article 15 Prosecutor, paragraph 2.
442
Rome Statute, Article 12 Preconditions to the exercise of jurisdiction, paragraph 2.
443
Rome Statute, Article 12 Preconditions to the exercise of jurisdiction, paragraph 3.
“3. If the acceptance of a State which is not a Party to this Statute is required under paragraph 2, that State may, by declaration
lodged with the Registrar, accept the exercise of jurisdiction by the Court with respect to the crime in question. The accepting State
shall cooperate with the Court without any delay or exception in accordance with Part 9”.
444
Rome Statute, Article 4 Legal status and powers of the Court, paragraph 2.
“2. The Court may exercise its functions and powers, as provided in this Statute, on the territory of any State Party and, by special
agreement, on the territory of any other State.”
168
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖