Page 190 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 190
อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศไทยซึ่งยังมิได้เป็นภาคีของธรรมนูญกรุงโรมฯ จะเสนอเรื่องการก่ออาชญากรรม
ต่อมนุษยชาติจากการด�าเนินนโยบายในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของรัฐบาลที่มี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็น
นายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศได้นั้น กรณีจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังที่ก�าหนดไว้ในข้อ ๑๒
วรรคสอง ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น ได้แก่
ประการที่หนึ่ง
ศาลอาจใช้เขตอ�านาจของตน หากรัฐดังต่อไปนี้รัฐใดรัฐหนึ่งหรือมากกว่าเป็นภาคีของธรรมนูญศาลฯ นี้
หรือยอมรับเขตอ�านาจของศาล
• รัฐเจ้าของดินแดนซึ่งการกระท�าที่เป็นปัญหาได้เกิดขึ้นในดินแดนหรือรัฐที่จดทะเบียนเรือหรืออากาศยาน
หากอาชญากรรมได้กระท�าขึ้นบนเรือหรืออากาศยานดังกล่าว
• รัฐซึ่งบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าประกอบอาชญากรรมถือสัญชาติ
ประการที่สอง
ศาลอาจใช้เขตอ�านาจของตนตามกรณีข้างต้นได้ หากปรากฏว่าอาชญากรรมหนึ่งหรือมากกว่าดังกล่าว
ซึ่งดูเหมือนว่าได้กระท�าขึ้นได้รับการเสนอต่ออัยการโดยรัฐภาคี (ข้อ ๑๔) หรืออัยการได้เริ่มการสืบสวนสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวกับ
อาชญากรรมเช่นว่า (ข้อ ๑๕)
เมื่อได้พิจารณาเงื่อนไขแห่งการแสดงเจตนาของประเทศไทยในการยอมรับอ�านาจศาลอาญาระหว่าง
ประเทศดังกล่าวข้างต้นแล้ว จะเห็นได้ว่าการที่ประเทศไทยจะแสดงเจตนายอมรับอ�านาจศาลอาญาระหว่างประเทศได้นั้น จะต้อง
เป็นกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ กล่าวคือ กรณีที่หนึ่งมีรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรมฯ รัฐหนึ่ง (หรือมากกว่า) เสนอเรื่องดังกล่าวเป็น
คดีต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งการกระท�าความผิดอาญาเช่นนั้นเกิดขึ้นในดินแดนแห่งรัฐตน และในกรณีเช่นนั้น ประเทศไทย
ซึ่งมิได้เป็นภาคีของธรรมนูญกรุงโรมฯ จึงสามารถแสดงเจตนายอมรับอ�านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศตามวิธีการที่ก�าหนดไว้
ในวรรคสามของข้อ ๑๒ ได้ หรือกรณีที่สอง ประเทศไทยแสดงเจตนายอมรับอ�านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะคดีดังกล่าว
(ad hoc acceptance) ภายหลังจากที่รัฐภาคีได้เสนอเรื่องดังกล่าวไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ หรืออัยการ (ประจ�าศาลอาญา
ระหว่างประเทศ) ได้เริ่มการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวเอง (proprio motu)
ผลที่ตามมา เป็นดังนี้
• ประเทศไทยไม่สามารถที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวเป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรง (ลักษณะอาชญากรรมต่อ
มนุษยชาติ) ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศโดยตรงแต่อย่างใด
• ประเทศไทยจะแสดงเจตนายอมรับอ�านาจศาลตามวิธีการที่ก�าหนดในข้อ ๑๒ วรรคสาม ดังกล่าวข้างต้น
445
ได้เมื่อเป็นกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งในสองกรณีนี้ คือ เมื่อมีรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรมฯ รัฐใดรัฐหนึ่งเป็นผู้เสนอเรื่องดังกล่าวไปยั
งศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือเมื่ออัยการเริ่มการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวเอง (proprio motu) เท่านั้น ในกรณีหนึ่งกรณีใด
ดังกล่าว ประเทศไทยจึงสามารถแสดงเจตนายอมรับอ�านาจศาลได้ โดยจะต้องท�าค�าประกาศยอมรับอ�านาจศาลเสนอต่อนายทะเบียน
ประจ�าศาล (the Registrar) เช่นนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศก็จะมีอ�านาจเหนือคดีดังกล่าวและสามารถพิจารณาคดีดังกล่าว
ต่อไปได้ และในกรณีเช่นนั้น ประเทศไทยมีหน้าที่ต้องให้ความร่วมมือกับศาลโดยไม่ชักช้าและไม่มีข้อยกเว้น 446
จะเห็นได้ว่าการเสนอเรื่องอาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศต่อศาลอาญาระหว่างประเทศได้นั้น
จึงเป็นเรื่องที่ “เคร่งครัดอย่างมาก” เนื่องจากการกระท�าความผิดหรือคดีที่อยู่ในเขตอ�านาจศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นอาชญากรรม
ร้ายแรงระหว่างประเทศ การที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวมายังศาลอาญาระหว่างประเทศ รัฐที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวจะต้องเป็นรัฐภาคี
445
ความเห็นในท�านองเดียวกัน โปรดดู José Doria, Hans-Peter Gasser, M. Cherif Bassiouni, The Legal Regime of the International
Criminal Court, Martinus Nijhoff Publishers, Leiden-Boston 2009, p. 439.
446
Rome Statute, Article 12 Preconditions to the exercise of jurisdiction, paragraph 3.
169
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖