Page 168 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 168
ผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติดให้น้อยลงเป็นอัตราร้อยละตามกรอบระยะเวลาที่ก�าหนดไว้ในแต่ละช่วงโดยเคร่งครัด อีกทั้งการรายงาน
416
ข้อมูลเกี่ยวกับผลการด�าเนินการประจ�าวันเกี่ยวกับจ�านวนผู้ผลิตหรือผู้ค้ายาเสพติด และประการที่สาม บทลงโทษกรณีที่องค์กร
หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถกระท�าการให้เป็นไปตามเกณฑ์ชี้วัดได้ กล่าวคือ จะถือว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการต�ารวจภูธร หย่อนสมรรถภาพและเจ้าหน้าที่นั้นจะต้องถูกลงโทษสถานหนักด้วยการพ้นจากต�าแหน่ง
ไปด้วยกัน ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น
โดยนัยดังกล่าว นโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติดน�ามาซึ่งผลต่อการกระท�า
การของบุคคล หรือกลุ่มบุคคล อันก่อให้เกิดการสูญเสียแก่ประชากรพลเมืองอย่างกว้างขวางในสองประการ ได้แก่ ประการที่หนึ่ง
นโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติดย่อมเป็นเสมือน “ฐาน” หรือ “ช่องทาง” ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลสามารถ
กระท�าการต่างๆ ตามแผนการด�าเนินการต่อบุคคลผู้เป็นเป้าหมายของการด�าเนินการตามแผนการด�าเนินการนั้น อันน�ามาซึ่งการ
สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้เสียหาย และประการที่สอง การกระท�าการโดยใช้นโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด
เป็นฐานหรือช่องทาง ท�าให้การด�าเนินการมี “คุณภาพ” ในองค์รวม กล่าวคือ มีความคล่องตัว สะดวกรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ทั้งใน
เชิงผลลัพธ์ของการกระท�าการ และในเชิงความรอบคอบในการกระท�าการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่มีการทิ้งหลักฐานหรือร่องรอยใดๆ
ให้ผู้เสียหายหรือญาติของผู้เสียหาย ตลอดจนบุคคลภายนอกสามารถตรวจสอบไปถึงบุคคลใดๆ ที่อยู่เบื้องหลังการด�าเนินการเช่นนั้น
ได้แต่อย่างใด
(๕) เป็นการด�าเนินการที่ล้วนมุ่งหมายแต่เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยรวมของการ
ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติดแต่เพียงอย่างเดียว
การกระท�าของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ท�าให้เกิดการสูญเสียแก่บุคคลเป้าหมายหรือ
ผู้เสียหายซึ่งล้วนแต่เป็นประชากรพลเรือนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการสังหารผู้เสียหายหรือการท�าให้ผู้เสียหายถึงแก่ชีวิต การอุ้มหายหรือ
การท�าให้ผู้เสียหายสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย และการยึดทรัพย์สินของผู้เสียหาย โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลต่างๆ ในโอกาสต่างๆ
ตามเรื่องร้องเรียนทั้งหลาย “มิใช่” การกระท�าที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลก่อขึ้นเพียงเพื่อวัตถุประสงค์หรือเจตนาส่วนตัวในการกระท�า
ความผิดอาญาแต่ละกรรมนั้นแต่อย่างใด หรือมิใช่การกระท�าให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็น
เป้าหมายโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด กรณีจึง “แตกต่างโดยสิ้นเชิง” จากการกระท�าความผิดอาญาที่ “เป็นเอกเทศ”
หรือ “เป็นครั้งคราว” และ “สิ้นสุดลงในตัวเอง” เมื่อได้กระท�าความผิดส�าเร็จ เช่น กรณีที่ นาย ก. ท�าให้ นาย ข. ถึงแก่ความตาย
อันเป็นการกระท�าความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกรณีที่นายหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงนายสองโดยเจตนาเป็นเหตุให้
นายสองเสียชีวิต หากแต่การกระท�าให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นเป้าหมายทั้งหลาย เป็นเพียง “การกระท�า
ความผิดอาญาพื้นฐาน” แม้ต่างกรรมต่างวาระ หากล้วนแต่เป็นการกระท�าที่ “เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน” ภายใต้ “บริบทเฉพาะ
ร่วมกัน” ของการด�าเนินนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล การกระท�าความผิดอาญาต่างๆ เหล่านั้นจึง “เป็นส่วนหนึ่ง”
ของการด�าเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด และ “ผลลัพธ์ของการด�าเนินการ”
(ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้เสียหาย) ทั้งหลายเหล่านั้นประกอบกันเป็น “ผลงาน” หรือ “ประสิทธิภาพ” ที่องค์กร
ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องจะใช้แสดงหรือยกขึ้นกล่าวอ้างว่าได้ปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลในการ
ปราบปรามยาเสพติดตามกรอบระยะเวลาที่รัฐบาลก�าหนด อันเป็น “ความประสงค์ที่แท้จริง” ของการกระท�าที่ก่อให้เกิดการสูญเสีย
ต่างๆ แก่ประชากรพลเมืองอย่างกว้างขวาง
บุคคลที่เป็นเป้าหมายของการด�าเนินการ
เมื่อได้พิจารณาการสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งหลายตาม
เรื่องร้องเรียนต่างๆ และคดีฟ้องร้องการกระท�าความผิดอาญาทั้งหลายนั้น จะเห็นได้ว่าบุคคลต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายของการด�าเนิน
416
หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ศตส.มท ๐๒๑๑.๑/ว๒๔ ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจการด�าเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยา
เสพติดของ ศตส. จ./อ./กิ่ง อ. และหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท ๐๒๑๑.๑/ว๗๘ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เรื่อง นโยบายและแนวทางการด�าเนินงานต่อสู้เพื่อ
เอาชนะยาเสพติด
147
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖