Page 140 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 140
๓.๒.๑ หลักการมีเขตอ�านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ
โดยที่การกระท�าความผิดอาญาร้ายแรงต่างๆ ทั้ง ๔ ลักษณะตามที่ก�าหนดไว้ใน
ธรรมนูญกรุงโรมฯ เป็นการกระท�าอันเป็น “ภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ” ซึ่งเป็น “อาชญากรรมระหว่างประเทศ” (International crimes)
ตามกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ (Customary International law) ซึ่งต่างเป็น “กฎหมายบังคับเด็ดขาด” (jus cogens
385
crimes) หรือเป็นกฎเกณฑ์ในระดับสูงสุด (the highest hierarchical position) ในบรรดากฎเกณฑ์หรือหลักกฎหมายระหว่าง
ประเทศทั้งหลาย และเป็นกฎเกณฑ์ที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์อื่นทั้งปวง (peremptory) และมิอาจที่จะก้าวล่วงได้ (non-derogable)
ผู้กระท�าความผิดอาญาร้ายแรงเช่นนี้จึงสมควรต้องได้รับการลงโทษ และมิอาจยกเหตุที่ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายภายในบังคับหรือเหตุ
ที่ไม่มีศาลที่มีเขตอ�านาจเหนือคดีเช่นนี้ขึ้นกล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยนัยดังกล่าว ศาลอาญาระหว่างประเทศจึงมีเขตอ�านาจและสามารถ
386
ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ ได้ส�าหรับอาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศที่อยู่ในเขตอ�านาจศาล
แม้ว่ารัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ จะไม่มีกฎหมายภายในของตนที่ก�าหนดความผิดและบทลงโทษเกี่ยวกับการกระท�าอันเป็นการก่อ
อาชญากรรมร้ายแรงเช่นนั้นก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ส�าหรับรัฐที่ยังมิได้เป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมฯ รัฐเหล่านี้อาจมีความจ�าเป็น
ที่จะต้องก�าหนดให้อาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายภายในของตน เพื่อให้ศาลที่มีอ�านาจตาม
กฎหมายภายในของตนสามารถพิจารณาและพิพากษาการกระท�าอันเป็นอาชญากรรมร้ายแรงดังกล่าวได้อย่างเต็มที่โดยล�าพัง ในกรณี
387
เช่นนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศย่อมมิอาจใช้เขตอ�านาจและรับคดีดังกล่าวไว้พิจารณา
๓.๒.๒ กรณีที่ศาลไม่ใช้เขตอ�านาจและไม่รับคดีไว้พิจารณา
แม้เป็นกรณีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศมีเขตอ�านาจเหนืออาชญากรรมร้ายแรงระหว่าง
ประเทศตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ และรัฐที่การก่ออาชญากรรมเช่นนั้นได้เกิดขึ้นเป็นรัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ ก็ตาม
แต่ศาลอาญาระหว่างประเทศหาได้ใช้เขตอ�านาจของตนและรับคดีไว้พิจารณาในทุกกรณีแต่อย่างใด กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจมีบางกรณีที่
ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่รับคดีไว้พิจารณา แม้ศาลจะมีเขตอ�านาจเหนือคดีนั้นก็ตาม
ด้วยเหตุที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจัดตั้งขึ้นเพื่อ “เสริมเขตอ�านาจ” ในทางอาญาของ
389
388
รัฐดังความที่ก�าหนดไว้ทั้งในวรรคสิบของอารัมภบท และในข้อ ๑ แห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ ดังนั้น โดยหลักแล้ว ศาลจะไม่รับคดีไว้
พิจารณาเมื่อปรากฏว่ามีการด�าเนินการใดๆ เกี่ยวกับคดีที่ศาลมีเขตอ�านาจเหนือนั้นแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี แม้จะมีเหตุเช่น
นั้นเกิดขึ้น ศาลอาญาระหว่างประเทศก็อาจใช้เขตอ�านาจของตนและรับคดีไว้พิจารณาได้ หากรัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นไม่สมัครใจหรือไม่
สามารถด�าเนินการเกี่ยวกับคดีนั้น
ดังนั้น ข้อที่จะต้องพิจารณาในส่วนนี้จึงประกอบด้วยข้อพิจารณาสองประการ ได้แก่ ๑)
หลัก: ศาลไม่ใช้เขตอ�านาจเหนือคดีที่มีการด�าเนินการแล้ว และ ๒) ข้อยกเว้น: ศาลอาจรับคดีไว้พิจารณาในกรณีพิเศษ
385
โปรดดู M. Cherif Bassiouni, International Crimes: Jus Cogens and Obligatio Erga Omnes. “ Law and Contemporary Problems.
Vol. 59, No. 4, อ้างแล้ว, p. 67.
386
เงื่อนไขเกี่ยวกับเขตอ�านาจศาลอาญาระหว่างประเทศ ประกอบด้วยเงื่อนไขสามประการ ตาม ข้อ ๕ อาชญากรรมในเขตอ�านาจศาล (Rome Statute,
Article 5 Crimes within the jurisdiction of the Court, paragraph 1) ข้อ ๑๑ เงื่อนเวลาส�าหรับเขตอ�านาจศาล ( Article 11 Jurisdiction ratione
temporis) และ
ข้อ ๑๒ เงื่อนไขบังคับก่อนส�าหรับการใช้เขตอ�านาจศาล (Article 12 Preconditions to the exercise of jurisdiction).
387
โปรดดู ไพลิน อภิทักขกุล, ผลกระทบของศาลอาญาระหว่างประเทศที่มีต่อวิธีพิจารณาคดีอาญาของไทย, วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต คณะ
นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๕๓.
388
Rome Statute, Preamble, paragraph 10: “Emphasizing that the International Criminal Court established under this Statute
shall be complementary to national criminal jurisdictions”.
389
Rome Statute, Article 1 The Court.
119
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖