Page 75 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 75
บทที่ ๔
กรณีศาสนาพุทธนั้น พบว่ามีปัญหาที่แตกต่างไปกล่าวคือ เมื่อสอบถามตัวแทนศาสนาพุทธในค่ายผู้ลี้ภัยบ้านนุโพ
ได้รับข้อคิดเห็น ข้อกังวล ดังนี้ “ส�าหรับพระสงฆ์เมื่อกลับไปแล้วจะต้องกลับไปในแบบผู้อพยพ ความเป็นอยู่ในช่วงแรก ๆ นั้นค่อนข้าง
อยู่ล�าบากในเรื่องของที่พักอาศัยด้วย และการท�ากิจวัตรของพระสงฆ์ค่อนข้างล�าบากในระยะแรก ในวัดจะมีการสอนหนังสือส�าหรับ
เด็กเล็ก ๆ และส�าหรับสามเณร ถ้ากลับไปก็จะมีปัญหา ปัญหาส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้ ก็คือในเรื่องของวัดในเรื่องของการท�ากิจวัตรต่าง ๆ
ของพระสงฆ์ และหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับทางศาสนา”
๒. การเตรียมการส่งกลับโดยผู้ลี้ภัย
หรือที่ UNHCR เรียกว่า Spontaneous Repatriation
แม้ว่าจะมีข้อกังวลดังกล่าวข้างต้น แต่ผู้ลี้ภัยก็มิได้นิ่งดูดาย พวกเขาได้พยายามหาทางช่วยเหลือตนเอง แสวงหาโอกาส
ที่ดีของชีวิตภายใต้ข้อจ�ากัดที่มากมาย จากการเก็บข้อมูลพบว่า ผู้ลี้ภัยแต่ละแห่งมีการเตรียมตัวที่แตกต่างกัน มีทั้งการเตรียมตัวแบบ
ปัจเจกและเตรียมการส่งกลับร่วมกัน
ก. การเตรียมตัวแบบปัจเจก
พบว่า ผู้ลี้ภัยโดยส่วนใหญ่ได้มีการเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนเป็นระยะ เพื่อดูว่าพื้นที่ที่ตนเองอาศัยอยู่
นั้นถูกใครครอบครอง มีความปลอดภัยมากพอหรือไม่ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่เริ่มมีการลดอาหารปันส่วน และสถานการณ์ข่าวลือ
การส่งกลับที่ได้ยินบ่อยขึ้น ท�าให้ผู้ลี้ภัยเริ่มเตรียมการบางอย่าง ดังกรณีตัวอย่างต่อไปนี้
พือ (ภาษากะเหรี่ยง หมายถึง ลุง) มาอาศัยที่ค่ายผู้ลี้ภัยบ้านนุโพ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ปัจจุบันอายุ ๗๐ ปี เป็น
ผู้น�าด้านศาสนา ภรรยาใช้เวลาว่างทอผ้า มีลูก ๑๒ คน ชาย ๑๐ คน หญิง ๒ คน ปัจจุบันย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกาจ�านวน ๕ คน
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๐๐๘ ไปอยู่ออสเตรเลีย ๑ คน เสียชีวิตไป ๔ คน อยู่ที่นี่ ๒ คน ลูกชาย ๑ ใน ๔ ที่เสียชีวิตเนื่องจากถูกทหารกองก�าลัง
DKBA ยิงและเสียชีวิต ตอนอยู่ที่ประเทศพม่า/เมียนมาร์ ลูกที่ถูกส่งไปประเทศที่สาม ต่างคนต่างกระจัดกระจายไม่ได้อยู่ด้วยกัน
พืออยากไปอยู่สหรัฐฯ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขว่าได้อยู่ที่เดียวกับลูก พือมีบัตร UN ที่ก�าลังรอเดินทางไปประเทศที่สาม แต่พือรู้สึกว่า
มีขั้นตอนอยู่มากคือต้องไปตรวจร่างกาย ตรวจสุขภาพหลายครั้ง ต้องรอ รอ รอ รอ เหมือนไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ “การรอคอยเหมือน
ท�ากับข้าว มีกระบวนการหลายอย่างกว่าที่จะได้อาหารมา ต้องไปตลาดหาซื้ออาหาร ใส่พริก ใส่เกลือ ใส่อะไรต่างๆ ลงไปก็ไม่ได้รสชาติ
ที่ต้องการสักที” ลูกชายบางคนบอกว่า อยากให้ไปอยู่ประเทศที่สามแต่บางคนไม่อยากให้ไป พือคิดว่า ถ้าพือไปประเทศที่สามก็ไปอยู่
ด้วยกันกับลูก ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่ไป พือจะอยู่ที่เมืองไทย ถ้าที่นี่ไล่ก็จะกลับไปบ้านในประเทศพม่า แต่ถ้าไม่ไล่ก็อยู่ที่นี่ พือมีที่ดิน
อยู่ในประเทศพม่า ๓ เอเคอร์ (บ้านเดิม) ปลูกผลไม้หลายอย่างเช่น ทุเรียน กล้วย มะพร้าว หมาก กาแฟ ปลูกข้าวด้วย อยู่ในความ
รับผิดชอบของกองก�าลัง KNU ๖ โดยพือนั่งรถไปประมาณ ๕๐ บาท แล้วเดินไป ๑ ชั่วโมง ทุกวันนี้พือจะไปเอาผัก ปลา อาหารจากฝั่ง
ประเทศพม่ามาแล้วก็กลับมา ถ้า พ.ศ. ๒๐๑๕ ไม่ให้อยู่ ก็กลับพม่าแล้ว ชาวบ้านสร้างบ้าน แต่ไปขอเลขที่บ้านจาก KNU บริเวณที่พือ
ไปสร้างบ้านก็คือบ้านเดิมของพือ แต่ไปสร้างใหม่ ตอนนี้ลูกสองคนที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยก็ได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศพม่าแล้ว
กรณีของพือนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ลี้ภัยที่มีทางเลือก กล่าวคือ มีบัตร UN มีลูกที่ไปอยู่ประเทศที่สาม มีที่ดินใน
พื้นที่ประเทศพม่า/เมียนมาร์ และมีลูกชายช่วยท�าไร่ ท�านา อีกทั้งที่ดินนี้ก็ไม่ไกลจากค่ายผู้ลี้ภัยมากนัก จึงท�าให้สามารถเดินทางไปมา
ได้สะดวก พือได้บอกว่ามีผู้ลี้ภัยในค่ายผู้ลี้ภัยจ�านวน ๑๐๐ กว่าคนที่มีวิถีชีวิตเช่นเดียวกับพือ คือ ได้เตรียมการส�าหรับการเดินทาง
กลับไปประเทศพม่า/เมียนมาร์ด้วยตนเอง มีการเดินทางไปมาระหว่างไร่นาในประเทศพม่า/เมียนมาร์และค่ายผู้ลี้ภัย
62 63
ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว