Page 48 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 48
การขออนุญาตต่อศาล การรายงานผู้บังคับบัญชา อีกทั้งยังต้องแสดงบัตรประจ าตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่
ด้วย
นอกจากนี้ยังให้อ านาจพนักงานอัยการสามารถน าผู้เสียหายหรือพยานบุคคลเพื่อขอสืบพยาน
ไว้ก่อนได้ โดยระบุการกระท าความผิดและเหตุแห่งความจ าเป็น ทั้งนี้ เพื่อเร่งรัดให้กระบวนการยุติธรรม
ด าเนินไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามมาตรา ๓๑ โดยเหตุผลในการขอให้มีการสืบพยานไว้ก่อตามกฎหมาย
ฉบับนี้ได้ก าหนดไว้กว้างกว่า พระราชบัญญัติมาตรการในการปูองกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก
พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๑ และ ๒ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๓๗ ทวิ
ความผิดฐานการค้ามนุษย์ถือเป็นความผิดมูลฐาน ตาม พระราชบัญญัติปูองกันและ
ปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งการก าหนดดังกล่าวจะช่วยให้สามารถใช้วิธีการสืบสวนสอบสวน
ที่มีประสิทธิภาพได้ รวมทั้งอ านาจในการยืดทรัพย์ตามที่ได้กฎหมายปราบปรามการฟอกเงินได้เอื้อต่อ
วิธีการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ
๓. ให้การคุ้มครองผู้เสียหายที่เข้มแข็งขึ้น โดย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง
ของมนุษย์ได้รับมอบหมายให้พิจารณาความช่วยเหลือที่เหมาะสมในด้านที่พัก อาหาร การักษาพยาบาล
การบ าบัดฟื้นฟู การให้การศึกษา การฝึกอบรม การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การส่งกลับไปยัง
ประเทศเดิมหรือภูมิล าเนาของผู้นั้น การด าเนินคดีเพี่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหาย และการ
อนุญาตให้ท างานเป็นการชั่วคราวตามกฎหมาย โดยค านึงเหตุผลทางด้านมนุษยธรรมเป็นหลัก ดังนี้
การจัดสถานที่คุ้มครองชั่วคราวและสถานคุ้มครองหลัก ซึ่งในขณะนี้ กรมพัฒนาสังคมและ
สวัสดิการได้รับมอบหมายให้จัดบริการคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายในการรองรับการด าเนินงานตาม
กฎหมายใหม่นี้ ได้แก่ การจัดสถานที่ให้การคุ้มครองชั่วคราว ตามมาตรา ๒๙ ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่ในการ
สอบสภาพข้อเท็จจริงบุคคลที่สงสัยว่าอาจตกเป็นผู้เสียหาย โดยจัดสถานที่สัมภาษณ์และดูแลอย่าง
เหมาะสมและค านึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนโดยเคร่งครัด และมาตรการและการจัดสถานคุ้มครองผู้เสียหาย
ซึ่งการให้ความช่วยเหลือต่างๆ ในระหว่างที่อยู่การดูแล ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาอาชีพ ตามมาตรา ๓๓
ทั้งนี้ นัยตามมาตรานี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงการให้ผู้เสียหายเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น
โดยให้มีการแจ้งสิทธิของผู้เสียหายที่พึงได้รับการคุ้มครองในแต่ละขั้นตอน ขอบเขตและระยะเวลาในการ
ให้ความช่วยเหลือ และต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้เสียหายก่อนด้วย รวมทั้งแจ้งสิทธิที่จะเรียกและได้รับ
ค่าสินไหมทดแทน โดยให้ค านึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความแตกต่างทางเพศ อายุ สัญชาติ เชื้อชาติ
ประเพณี วัฒนธรรมของผู้เสียหาย
การแจ้งสิทธิของผู้เสียหายที่พึงได้รับการคุ้มครองในแต่ละขั้นตอนทั้งก่อน ระหว่าง และหลัง
การช่วยเหลือตลอดจนขอบเขต ระยะเวลาในการด าเนินการช่วยเหลือในแต่ละขั้นตอน และต้องรับฟัง
ความคิดเห็นของผู้เสียหายก่อนด้วย
การแจ้งให้ทราบถึงสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา ๓๔ ก าหนดให้พนักงานสอบสวน
หรือพนักงานอัยการแจ้งให้ผู้เสียหายทราบถึงสิทธิที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนและสิทธิที่จะได้รับความ
ช่วยเหลือทางกฎหมาย และให้พนักงานอัยการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนแทนผู้เสียหาย และตามมาตรา
๓๕ ก าหนดให้เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนแทนผู้เสียหาย ซึ่งการ
เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา ๓๕ นี้ เป็นการเรียกค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากมูลละเมิด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ – ๔๔๘ จึงเป็นกรณีเดียวกันกับการขอให้ศาลสั่งให้
ชดใช้ค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๔๔/๑ และ ๔๔/๒
๒๘