Page 50 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 50

ราชอาณาจักรหรือกลับถิ่นที่อยู่ และช่วยเหลือการด าเนินกิจกรรมของหน่วยงาน
                                     ภาครัฐและองค์กรเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ด้านการปูองกันและปราบปรามการค้า

                                     มนุษย์ โดยที่มาของเงินกองทุนประกอบด้วย งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้  เงิน
                                     งบประมาณรายจ่ายประจ าปี เงินบริจาค เงินดุดหนุนจากต่างประเทศหรือองค์การ
                                     ระหว่างประเทศ รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการกระท าความผิดเกี่ยวกับ
                                     การค้ามนุษย์


                          ๒.๔.๒  พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๓๙
                          มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ มีสาระส าคัญดังนี้ คือ
                                 ๑. มีการนิยามความหมายที่กล่าวถึงการค้าประเวณี  และสถานการค้าประเวณีตาม

                   มาตรา ๔
                                 ๒. มีการบัญญัติฐานความผิดและบทก าหนดโทษแก่ผู้ที่เข้าติดต่อ ชักชวน แนะน าตัว
                   ติดตาม หรือรบเร้าบุคคลตามถนนหรือสาธารณสถาน หรือสถานที่อื่นใดเพื่อการค้าประเวณีตามมาตรา ๕
                   และผู้ที่เข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณี เพื่อประโยชน์ในการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่นตาม

                   มาตรา ๖
                                 ๓. มีการบัญญัติฐานความผิดและบทก าหนดโทษแก่ผู้กระท าช าเราหรือกระท าอื่นใดเพื่อ
                   ส าเร็จความใคร่ของตนเองหรือผู้อื่นในสถานการค้าประเวณี ไว้ในมาตรา ๘  หากกระท าแก่บุคคลอายุกว่า

                   สิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี โดยบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึง
                   สามปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหกหมื่นบาท  กระท าแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ต้องระวางโทษ
                   จ าคุกตั้งแต่สองปีถึงหกปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท โดยถ้าเป็นการกระท าต่อคู่สมรสของ
                   ตน หากมิใช่เพื่อส าเร็จความใคร่ของผู้อื่น ผู้กระท าก็ไม่มีความผิด
                                 ๔. มีการบัญญัติฐานความผิดและบทก าหนดโทษแก่ผู้เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป

                   ซึ่งบุคคลใดให้เพื่อบุคคลนั้นกระท าการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่ากระท าต่าง ๆ
                   อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระท าภายในหรือนอกราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่หนึ่งปี
                   ถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และจ าแนกระวางโทษกรณีกระท าแก่ผู้อายุกว่าสิบ

                   ห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ผู้กระท าต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสน
                   บาทถึงสามแสนบาท  และกรณีหากกระท าแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ผู้กระท าต้องระวางโทษจ าคุก
                   ตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท
                                 ๕. มีการบัญญัติฐานความผิดและบทก าหนดโทษแก่ผู้เป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี

                   ผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการการค้าประเวณี หรือเป็นผู้ควบคุมผู้กระท าการค้าประเวณีในสถานการ
                   ค้าประเวณี ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท โดยมี
                   การจ าแนกระวางโทษ  ถ้ากิจการหรือสถานการค้าประเวณีตามวรรคหนึ่ง มีบุคคลซึ่งมีอายุกว่าสิบห้าปีแต่
                   ยังไม่เกินสิบแปดปี  ผู้กระท าต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึง

                   สามแสนบาท และถ้าเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีท าการค้าประเวณีอยู่ด้วย ผู้กระท าต้องระวางโทษจ าคุก
                   ตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท ตามมาตรา ๑๑






                                                             ๓๐
   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55