Page 192 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 192
ข้อจ ากัด กล่าวคือ มีแรงงานอพยพจ านวนมาก โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยของเมียนมา อาทิ คน
กะเหรี่ยง คนไทใหญ่ ที่ไม่มีบัตรหรือเอกสารที่ระบุว่าคนเมียนมา ส่งผลให้รัฐบาลเมียนมา ไม่รับรอง
จึงจัดท าโครงการพิสูจน์สัญชาติส าหรับแรงงานต่างด้าวขึ้น โครงการดังกล่าวนี้ เป็นโครงการที่จัดขึ้น
เพื่อให้สอดรับกับการท า MOU ดังกล่าวของรัฐบาลไทยและรัฐบาลเมียนมา
(๕) ข้อตกลงระหว่างประเทศไทยกับสหพันธรัฐมาเลเซีย ไม่มีข้อตกลงว่าด้วยการต่อต้าน
การค้ามนุษย์แบบทวิภาคีเช่นเดียวกับ ๔ ประเทศข้างต้น ความร่วมมือระหว่างไทยกับสหพันธรัฐ
มาเลเซียจึงอยู่ภายใต้ข้อตกลงแบบพหุภาคีในระดับอาเซียน ได้แก่ ASEAN Declaration Against
Trafficking in Persons Particularly Women and Children ปี ๒๕๔๗ แต่จากสถานการณ์
การค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาที่มีความรุนแรงมากในต้นปี ๒๕๕๘ ซึ่งพบว่ามีการน าชาวโรฮิงญาไปกักตัวไว้
ในค่ายพักพิงชั่วคราวหลายร้อยคนบริเวณชายแดนไทย – มาเลเซีย ก่อนส่งไปขายต่อที่มาเลเซียนั้น
ท าให้เกิดความร่วมมือในลักษณะทวิภาคีระหว่างต ารวจไทยกับต ารวจมาเลเซีย โดยมีการประชุมทวิ
ภาคีเมื่อวันพุธที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่จังหวัดภูเก็ต ประสานความร่วมมือกับต ารวจมาเลเซีย
เกี่ยวกับปัญหาขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญา ท างานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ภายหลังการประชุม
ทวิภาคี ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติของทั้ง ๒ ประเทศ ได้ร่วมแถลงข่าวถึงการท างานร่วมกันในเรื่อง
การปูองกันปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รัฐบาลไทยและรัฐบาลสหพันธรัฐมาเลเซียได้
เห็นความส าคัญที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ข่าวกรองระหว่างกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือกับทั้ง ๕ ประเทศในช่วงที่ผ่านมายังมีปัญหาอุปสรรคบาง
ประการที่ท าให้การค้ามนุษย์ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายของแต่ละ
ประเทศ และการน าข้อตกลงไปสู่การปฏิบัติที่ยังไม่เป็นรูปธรรม ประกอบกับการเข้าสู่ประชาคม
อาเซียนซึ่งจะท าให้สถานการณ์ในภูมิภาคอาเซียนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จึงจ าเป็นต้องมีการ
ทบทวนข้อตกลงระหว่างกันและปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น
๕.๔ แนวทางในการสร้างและพัฒนากลไกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์
ผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์ข้อ ๔ พบว่า ผลการศึกษากลไกความร่วมมือที่เป็นอยู่ใน
ปัจจุบันมีปัญหาขาดประสิทธิภาพ แต่ละประเทศมีปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการค้า
มนุษย์ บันทึกข้อตกลงแบบทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านยังมีลักษณะเชิงรับ
มากกว่าเชิงรุก การขาดกฎหมายกลางของภูมิภาคอาเซียนที่เปรียบเสมือนธรรมนูญของชาวอาเซียน
แบบเดียวกับกฎหมายของสหภาพยุโรป ขาดการจัดตั้งองค์กรกลางในการประสานงานในเรื่องการค้า
มนุษย์ และขาดการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคประชาสังคมระหว่างประเทศ ซึ่งจะต้องมีการ
พัฒนากลไกความร่วมมือที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
จากการสัมภาษณ์ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคมทั้ง ๕ ประเทศ ได้แก่ องค์กร Law and
Development Partnership ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว องค์กร Vulnerable
Children Assistance Organization ในราชอาณาจักรกัมพูชา องค์กร Alliance Anti Trafficking
ในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียตนาม องค์กร United Nations Action for Cooperation against
Trafficking in Person (UN – ACT องค์กร United Against Child Trafficking และองค์กร
Equality Myanmar ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา องค์กร Tenaganita (Women’s Force)
๑๗๒