Page 193 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 193
และ Universiti Utara Malaysia ในสหพันธรัฐมาเลเซีย ล้วนมีความเห็นว่า ต้องมีการปรับปรุงกลไก
ความร่วมมือระหว่างประเทศให้มีความกระชับมากขึ้น คณะกรรมการระดับปฏิบัติการควรประชุม
ร่วมกันให้บ่อยขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นว่า ที่ผ่านมามุ่งเน้นการพัฒนากลไกในการปูองกันและแก้ไขปัญหา
การค้ามนุษย์ระดับชาติ และระดับภูมิภาคมากเกินไปจนละเลยการพัฒนากลไกในระดับพื้นที่ซึ่งมี
ความส าคัญในการปูองกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากกว่า ซึ่ง
ได้เกิดความร่มมือระหว่างองค์กรภาคประชาสังคมขึ้นแล้ว แต่ยังไม่กว้างขวางเท่าที่ควร
ดังนั้น แนวทางในการสร้างและพัฒนากลไกในการปูองกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ใน
อาเซียนในระยะต่อไปควรมุ่งเน้นการสร้างและพัฒนากลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคประชา
สังคมระหว่างประเทศให้มากขึ้น ส่งเสริมและสนับสนุนภาคประชาสังคมในการให้ข้อมูลและความรู้
แก่ชุมชนและสังคมซึ่งคือการเน้นเรื่องการปูองกันในเชิงรุก การสนับสนุนให้ชุมชนมีการด าเนิน
โครงการเพื่อปูองกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในชุมชนของตน โดยรัฐและองค์กรภาคประชา
สังคมเป็นองค์กรพี่เลี้ยงที่ให้การสนับสนุนทั้งทางด้านงบประมาณ องค์ความรู้ทางวิชาการในการ
ขับเคลื่อน สร้างเครือข่ายการเฝูาระวังปัญหาปัญหาการค้ามนุษย์ โดยการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้า
มามีส่วนร่วมในการปูองกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ภายในชุมชนของตนเอง สนับสนุนให้มีการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในประเด็นของประสบการณ์การท างาน เพื่อให้สามารถสร้างเวทีการเรียนรู้
ร่วมกันและสามารถเติมเต็มกระบวนการเรียนรู้ให้แก่กันได้อีกทางหนึ่ง เป็นต้น
๕.๕ ข้อเสนอแนะ
จากผลการศึกษาวิจัยอนุสัญญา พิธีสารเกี่ยวกับการปูองกัน ปราบปราม และลงโทษการค้า
มนุษย์ของสหประชาชาติ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปูองกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของ
ประเทศไทย การศึกษาบทบาท ข้อจ ากัด และปัญหาอุปสรรคของหน่วยงานภาครัฐและบทบาทของ
ภาคประชาสังคมในการปูองกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การศึกษาเหยื่อค้ามนุษย์ ๓๑ ราย
การศึกษากลไกความร่วมมือระหว่างประทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และปัญหาอุปสรรคของความ
ร่วมมือ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
๕.๕.๑ ข้อเสนอแนะระดับนโยบาย
(๑) รัฐบาลควรมีนโยบายอย่างชัดเจนในการมุ่งเน้นให้กระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน ส านักงาน
ต ารวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และส านักงานปูองกันและปราบปรามการฟอกเงิน ท างาน
ร่วมกันอย่างบูรณาการ ที่ผ่านมาหน่วยงานดังกล่าวยังยึดกฎหมายและระเบียบของตนเองเป็นหลักใน
การด าเนินงาน ท าให้เกิดปัญหาต่างคนต่างท า ยังขาดการบูรณาการกันอย่างแท้จริง
(๒) รัฐบาลควรมีนโยบายในการปรับปรุงบทบาทของคณะกรรมการปูองกันและ
ปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. ซึ่งเป็นกลไกที่มีอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติปูองกันและปราบปราม
การค้ามนุษย์ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตราที่ ๑๕ และให้มีอ านาจตามมาตราที่ ๑๖ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นใน
๓ ประเด็นหลัก คือ การเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ
หรือ โครงสร้างของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการปูองกันแบะปรายปรามการค้ามนุษย์ การก าหนด
ยุทธศาสตร์และมาตรการในการปูองกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และการก าหนดแนวทางก ากับ
๑๗๓