Page 169 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 169
รวมไปถึงกําหนดบทลงโทษสําหรับ "วนิพกที่ไม่ขออนุญาต" หรือ ผู้ที่เล่นดนตรีหรือแสดงความสามารถอื่น
ใดในที่สาธารณะโดยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือแจ้งแล้วแต่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือระเบียบที่
เจ้าพนักงานท้องถิ่นกําหนด (มาตรา ๑๑)
หลังจากมีการเปิดเผยสาระสําคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ภาคประชาสังคมได้มีความคิดเห็น
ดังต่อไปนี้ (เปิดร่าง พ.ร.บ. ควบคุมขอทาน, ๒๕๕๘)
วิธะพัฒน์ รัตนาวลีพงษ์ หัวหน้าโครงการยุติธุรกิจเด็กขอทาน มูลนิธิกระจกเงา ที่เคยคัดค้านร่าง
ฉบับปี ๒๕๕๑ เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ. ควบคุมการขอทานฉบับใหม่นี้ เป็นทิศทางการแก้ไขป๎ญหาขอทานที่
ถูกต้อง และหากบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะช่วยทําให้การคัดแยกดําเนินคดีฐานค้ามนุษย์ชัดเจน
มากขึ้น โดยมองว่าร่างนี้มีจุดเด่น ๔ เรื่องคือ
๑. เป็นการปรับแก้กฎหมายที่ล้าหลังให้ทันต่อสถานการณ์ป๎จจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
๒. บทกําหนดโทษชัดเจนจากเดิมที่ไม่มีบทลงโทษผู้มาขอทาน แต่ให้ส่งไปรับการสงเคราะห์ หาก
หลบหนีการสงเคราะห์จึงมีโทษปรับ ๑๐๐ บาทหรือ จําคุกไม่เกิน ๑ เดือน แต่ร่างกฎหมายใหม่กําหนด
โทษต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ส่วนผู้แสวงหา
ประโยชน์จากการขอทานมีโทษจําคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
๓. ไม่ได้มุ่งกวาดล้างจับกุมอย่างเดียว แต่เปิดโอกาสส่งเสริมสวัสดิการคนด้อยโอกาส เช่น ขอทาน
ที่ทุพพลภาพ เป็นโรคร้ายแรง หรือเด็กกําพร้า จะได้รับการสงเคราะห์ ไม่เอาโทษ
๔. ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะช่วยให้การคัดแยกคดีบังคับขอทานซึ่งเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์มีความ
ชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม วิธะพัฒน์ มีความกังวลว่า กรณีกําหนดการแสดงดนตรีในที่สาธารณะต้องขอ
อนุญาตหน่วยงานท้องถิ่น จะต้องกําหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ชัดเจนว่าจะอนุญาตต่อครั้งหรือ
ออกเป็นใบอนุญาต เพราะหากไม่มีมาตรฐานเดียวกันจะกระทบกับวณิพก คนตาบอด รวมถึงนักเรียนที่มา
หารายได้ช่วงปิดเทอม
มนตรี สินทวิชัย เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ให้สัมภาษณ์รายการ "แชร์เล่าข่าวเด็ด" ทาง F.M.
๑๐๕.๕ ว่า ป๎ญหาขอทานยังมีเรื่องสวัสดิการที่ยังเข้าไม่ถึงอย่างเพียงพอและเท่าเทียม การมีกฎหมาย
ควบคุมขอทานฉบับใหม่จึงไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะแก้ป๎ญหาได้อย่างแท้จริง เพราะต้องมีการบังคับใช้
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ อย่างจริงจัง ส่วนข้อดีของกฎหมาย
ใหม่ที่จะออกมา คือ จะช่วยแก้ป๎ญหาเรื่องขบวนการค้ามนุษย์และพวกที่ทําธุรกิจเกี่ยวกับการขอทาน แต่
ป๎ญหาใหญ่ที่เจอกับเด็กที่มาขอทานคือพ่อแม่รู้เห็นกับกลุ่มขบวนการเหล่านี้โดยให้เช่าลูกเพื่อเป็นหารายได้
จึงต้องจัดการแก้ป๎ญหาให้ตรงจุด
ว่องวิช ขวัญพัทลุง อาจารย์ประจําคณะคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เห็นว่า ร่าง
กฎหมายนี้ยังมีประเด็นป๎ญหาอยู่ เช่น อาจก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนลักษณะการขอทานเป็นการขอทาน
แฝง คือ เอาคนชรามาขายของหรือนําเด็กมาเล่นดนตรีแทนการขอเงินตรงๆ ทําให้คนตัดสินใจซื้อเพราะ
ความสงสาร ซึ่งกฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้และป๎ญหาการค้ามนุษย์อาจไม่ลดลง
นอกจากนี้ในส่วนของการเยียวยา หากรัฐไม่สามารถเยียวยาบุคคลที่เป็นขอทานได้อย่างทั่วถึงก็
จะทําให้เขากลับมาทําผิดซ้ําอีก และประเด็นสุดท้ายคือการแสดงในที่สาธารณะต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่
ท้องถิ่น แต่ไม่ระบุหลักเกณฑ์ละเอียดจะก่อเกิดความยุ่งยากรวมไปถึงป๎ญหาการทุจริตที่จะตามมา
๑๔๙