Page 13 - รายงานการศึกษาวิจัย มาตรฐานสากลในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเคารพสิทธิมนุษยชน
P. 13
มีความพยายามขององค์การสหประชาชาติในการสร้างบรรทัดฐานสากลเพื่อกำากับดูแลการ
ประกอบธุรกิจ โดยเมื่อปี พ.ศ. 2515 มีการจัดทำาข้อเสนอแนะต่อบรรษัทข้ามชาติเพื่อใช้เป็นจรรยาบรรณ
ทางธุรกิจ และมีการวิเคราะห์ผลกระทบของบรรษัทข้ามชาติต่อการพัฒนาและความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศก่อนที่จะมีการจัดทำาจรรยาบรรณทางธุรกิจและกำาหนดข้อบังคับให้บริษัทต่างๆ ปฏิบัติตาม
แต่มีการคัดค้านจากผู้ประกอบการ องค์การสหประชาชาติจึงได้หาแนวทางใหม่ในการร่วมมือกับภาคเอกชน
ด้วยการเปลี่ยนจากการบังคับเป็นแบบสมัครใจแทน องค์การสหประชาชาติเริ่มจัดทำาบรรทัดฐานว่าด้วย
ความรับผิดชอบของบรรษัทข้ามชาติ และผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ กับการคำานึงถึงสิทธิมนุษยชน
(Norms on Responsibilities of Transnational Corporations and Other Business Enterprises
with Regard to Human rights) ซึ่งเรียกกันว่าโครงการ Norms ขึ้น หลังจากดำาเนินงานได้ 4 ปี
คณะทำางานได้เสนอให้ใช้กฎหมายกำากับการดำาเนินงานของธุรกิจในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
แต่สำานักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติไม่เห็นชอบ และได้ร้องขอให้เลขาธิการ
สหประชาชาติแต่งตั้งผู้แทนพิเศษด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนขึ้นเป็นการเฉพาะ เมื่อปี พ.ศ. 2548
โดย ศาสตราจารย์ John Ruggie จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นผู้ดำารงตำาแหน่งนี้ (Gonzalez, 2014)
ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 สำานักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR)
จึงได้ออกหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on
Business and Human Rights) โดยวางอยู่บนหลัก 3 ประการ คือ การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (Protect)
ระบุให้รัฐมีหน้าที่ในการคุ้มครองไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากองค์กรของรัฐหรือบุคคลที่สาม
ซึ่งหมายรวมถึงองค์กรภาคธุรกิจด้วยการเคารพสิทธิมนุษยชน (Respect) ระบุให้องค์กรและบุคคล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรภาคธุรกิจมีหน้าที่ในการเคารพสิทธิมนุษยชน การเยียวยา (Remedy) ระบุว่า
เมื่อมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นรัฐจะต้องจัดให้มีการเยียวยาที่เหมาะสม รวมทั้ง ยังเรียกร้องให้
องค์กรภาคธุรกิจควรจัดให้มีช่องทางในการร้องเรียนและเยียวยาเมื่อมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นด้วย
ไม่ว่าโดยกิจการนั้นเองหรือการรวมกลุ่มองค์กรภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่ได้รวมกันเป็นสมาคมธุรกิจ
(United Nations Human Rights Office of the High Commissioner, 2011)
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่มีการจัดทำาหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน นายโคฟี อันนัน
เลขาธิการสหประชาชาติได้ประกาศข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) ในปี พ.ศ.
12
2542 ซึ่งประกอบด้วยหลักการด้านสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต 10
ข้อ ซึ่งพัฒนามาจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ คำาประกาศของ
องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) ว่าด้วยหลักการและ
สิทธิพื้นฐานในการทำางาน ปฏิญญาริโอว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา และอนุสัญญาสหประชาชาติ
ว่าด้วยการต่อต้านการคอร์รัปชั่น อย่างไรก็ตาม มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นหลักการที่กว้างเกินไป
ไม่เพียงแต่องค์การสหประชาชาติเท่านั้นที่ให้ความสำาคัญต่อประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
จากภาคธุรกิจ และจัดทำาหลักปฏิบัติหรือมาตรฐานเพื่อให้ภาคธุรกิจนำาไปปฏิบัติ แต่ยังมีองค์กรระหว่าง
ประเทศต่างๆ ที่จัดทำามาตรฐานด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนอื่นๆ อีก เช่น มาตรฐาน ISO 26000
หลักการดูแลกำากับกิจการขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD
รายงานการศึกษาวิจัยมาตรฐานสากลในการดำาเนินธุรกิจเพื่อการคารพสิทธิมนุษยชน
59-09-116 001-128 vijai lem4 i_coated.indd 12 9/24/16 1:50 PM

