Page 15 - รายงานการศึกษาวิจัย มาตรฐานสากลในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเคารพสิทธิมนุษยชน
P. 15
ในเวลาเดียวกันยังมีการละเมิดสิทธิชุมชนซึ่งมักเกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่
อ้างถึงข้อมูลที่ นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้กล่าวว่า มีกรณีละเมิด
สิทธิชุมชนที่ร้องเรียนเข้ามายังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เฉลี่ยวันละ 1 - 2 กรณี โดยมีกว่า
500 กรณีที่อยู่ระหว่างดำาเนินการ ส่วนใหญ่มาจากการที่หน่วยงานรัฐและโครงการตามแผนพัฒนาต่างๆ
ตลอดจนธุรกิจที่ไม่ให้ความสำาคัญกับสิทธิชุมชน อาทิ กรณีที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิด้านที่ดิน ป่าไม้
การสัมปทานเหมืองแร่ และแผนพัฒนาที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน โดยคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งยังหาทางออกที่ชัดเจนให้ชาวบ้านไม่ได้ (สำานักข่าวอิศรา, 2553)
ทศวรรษที่ผ่านมา ในประเทศไทยมีกรณีร้องเรียนเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากภาคเอกชน
หลายกรณีและหลายรูปแบบ ตัวอย่างเหตุการณ์สำาคัญระหว่างปี พ.ศ. 2549 - 2558 สามารถสะท้อน
ให้เห็นถึงลักษณะของเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ดังนี้
กรณีตัวอย่างแรก เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 จนถึงปัจจุบัน กรณีกิจการเหมืองแร่ทองคำาถูกร้องเรียน
ว่าละเมิดสิทธิชุมชน เมื่อบริษัทผู้ประกอบการธุรกิจเหมืองแร่ทองคำาซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ
บริษัทจำากัดมหาชนรายหนึ่งได้รับประทานบัตรการทำาเหมืองแร่ทองคำาสำาหรับสำารวจและทำาเหมืองแร่
ทองคำา จังหวัดเลย หลังจากความพยายามส่งเสริมการขยายตัวของอุตสาหกรรมโดยหวังผลให้เกิด
ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศของรัฐบาล นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 ภายหลังการสำารวจและ
จัดเตรียมพื้นที่ บริษัทได้เริ่มเปิดดำาเนินกิจการเหมืองอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2549 และ
ดำาเนินการมาจนถึงปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีการร้องเรียนจากประชาชนถึงความเดือดร้อน
และผลกระทบ รวมถึงข้อวิตกถึงสารโลหะหนัก และสารอันตรายอื่นๆ ที่อาจแพร่กระจายออกมาปน
เปื้อนในสิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรมต่างๆ ของเหมืองแร่ทองคำา จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของ
ประชาชนในพื้นที่ นอกจากปัญหาเรื่องสารพิษจากเหมืองที่แพร่กระจายแล้ว ยังมีปัญหาต่อเนื่องอื่นๆ
โดยเฉพาะการขนแร่เข้าออกจากพื้นที่ เมื่อปี พ.ศ. 2557 มีกรณีที่ประชาชนในพื้นที่ถูกชายฉกรรจ์
รุมทำาร้ายและใช้ความรุนแรงในขณะที่มีการขนแร่ของบริษัทฯ (แม้นวาด กุญชร ณ อยุธยา, 2558)
กรณีที่สอง เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2552 เมื่อบริษัทเอกชนสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์รายหนึ่ง
ประกาศเลิกจ้างพนักงานหลายพันคนในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ โดยไม่ได้ปรึกษาสหภาพแรงงาน
14 ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ (SAP) ซึ่งทำาให้คนงาน
ทำางานหนักมากขึ้น แต่ค่าจ้างคงเดิม สหภาพแรงงานเริ่มมีความขัดแย้งกับนายจ้างในระบบการ
จ้างงานใหม่ จึงเรียกร้องค่าจ้างเพิ่ม รวมถึงตรวจสอบเรื่องคอร์รัปชันในโรงงานทุกรูปแบบด้วย
ต่อมา บริษัทจึงได้แจ้งเลิกจ้างประธานสหภาพแรงงาน ตามมาด้วยการประกาศเลิกจ้างคนงานทั้งหมด
1,959 คน ซึ่งบริษัทอ้างว่า ต้องการปรับปรุงโครงสร้างค่าใช้จ่ายระยะยาวของบริษัทฯ ทุกหน่วยงาน
เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร ขณะที่แกนนำาสหภาพแรงงานเชื่อว่า การเลิกจ้าง
ครั้งนี้เป็นการทำาลายสหภาพแรงงาน หาแหล่งค่าจ้างราคาถูก เตรียมใช้ระบบการจ้างงานแบบ
ช่วงสัญญา (subcontract) ที่บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบสวัสดิการ (ประชาไท, 2555)
รายงานการศึกษาวิจัยมาตรฐานสากลในการดำาเนินธุรกิจเพื่อการคารพสิทธิมนุษยชน
59-09-116 001-128 vijai lem4 i_coated.indd 14 9/24/16 1:50 PM

