Page 99 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 99

๗๒



               ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ พ.ศ. 2475 ตำมมำตรำ 1304 ต่อมำกำรหวงห้ำมที่ดิน

               ต้องด ำเนินกำรตำมพระรำชบัญญัติ ว่ำด้วยกำรหวงห้ำมที่ดินรกร้ำงว่ำงเปล่ำอันเป็นสำธำรณสมบัติ
               ของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 บัญญัติวิธีกำรหวงห้ำมที่ดินของรัฐต้องกระท ำโดยกำรตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ

               และเริ่มมีกำรจัดท ำแผนที่แนบท้ำยซึ่งแผนที่ดังกล่ำวขณะนั้นไม่อำจเทียบกับระบบกำรท ำแผนที่ในปัจจุบัน
               เนื่องจำกอำศัยสภำพภูมิประเทศเป็นหลัก จึงเป็นไปในลักษณะกำรจ ำลองสภำพภูมิประเทศประกอบ

               แนวเขตพื้นที่ที่ต้องกำรหวงห้ำม เมื่อมีกำรก ำหนดส่วนรำชกำรต่ำงๆ ให้มีหน้ำที่ดูแลพื้นที่แต่ละประเภท
               จึงมีกำรตรำกฎหมำยส ำหรับใช้ในกำรก ำหนดพื้นที่ที่แต่ละหน่วยงำนต้องบริหำรด้วย โดยรูปแบบใกล้เคียง

               กับพระรำชบัญญัติ ว่ำด้วยกำรหวงห้ำมที่ดินรกร้ำงว่ำงเปล่ำอันเป็นสำธำรณสมบัติของแผ่นดิน  พ.ศ.
               2478  ที่ต้องมีกำรออกกฎกระทรวงหรือออกพระรำชกฤษฎีกำ ดังนั้น กำรก ำหนดพื้นที่ที่กล่ำวมำแล้ว

               ทั้งหมดนอกเหนือจำกค ำบรรยำยสภำพพื้นที่แล้ว กำรจัดท ำแผนที่ประกอบกำรหวงห้ำมก็มีควำมส ำคัญ
               อย่ำงมำก ในอดีตประชำกรยังมีจ ำนวนไม่มำกเมื่อเทียบกับสัดส่วนเนื้อที่ของประเทศ กำรครอบครองท ำกิน

               ในที่ดินของรำษฎรจึงไม่มีปัญหำ ต่อมำเมื่อจ ำนวนประชำกรเพิ่มมำกขึ้นหน่วยงำนของรัฐได้ก ำหนดพื้นที่
               หวงห้ำมในแต่ละหน่วยงำนขึ้นตำมรูปแบบต่ำงๆ ปัญหำเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินจึงมีจ ำนวนเพิ่มมำกขึ้น

               กำรแก้ไขปัญหำในเรื่องดังกล่ำว ต้องใช้ทั้งแนวเขตและสภำพข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่มีกำรหวงห้ำมเป็นข้อมูล
               ในกำรแก้ไขปัญหำ จึงจ ำเป็นต้องศึกษำรำยละเอียดกำรจัดท ำแนวเขตที่ดินของรัฐประเภทต่ำงๆ

               อย่ำงลึกซึ้ง จึงสำมำรถตรวจสอบข้อมูลกำรก ำหนดแนวเขตพื้นที่ได้

               3.2 ประเภทของการประกาศก าหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ



                       ขั้นตอนและวิธีกำรประกำศก ำหนดเขตที่ดินของรัฐประเภทต่ำงๆ  ซึ่งประกอบด้วย  สำธำรณสมบัติ

               ของแผ่นดินที่ประชำชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน  ที่ดินสงวนหวงห้ำมโดยพระรำชบัญญัติสงวนหวงห้ำมที่ดิน
               รกร้ำงว่ำงเปล่ำอันเป็นสำธำรณสมบัติของแผ่นดิน กำรประกำศก ำหนดเขตที่ดินของรัฐประเภทพื้นที่ป่ำไม้

               กำรประกำศก ำหนดให้เป็นป่ำคุ้มครองหรือป่ำสงวนตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่ำ

               พ.ศ.  2481  และพระรำชบัญญัติป่ำสงวนแห่งชำติ  พ.ศ.  2507  กำรประกำศก ำหนดให้เป็นอุทยำน
               แห่งชำติ โดยพระรำชบัญญัติอุทยำนแห่งชำติ  พ.ศ.  2504  และกำรประกำศก ำหนดให้เป็นเขตรักษำ

               พันธุ์สัตว์ป่ำและเขตห้ำมล่ำสัตว์ป่ำ โดยพระรำชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ำ พ.ศ.  2535  เป็นต้น

               เมื่อได้ท ำกำรศึกษำแล้วพบว่ำกำรประกำศก ำหนดให้เป็นที่ดินของรัฐนั้นแบ่งแยกออกตำมวัตถุประสงค์
               หรือนโยบำยของรัฐได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 เป็นพื้นที่ที่รัฐมีวัตถุประสงค์ในกำรสงวนเพื่อกำร

               ใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ ทั้งแก่รัฐและแก่ประชำชน  ประเภทที่  2 เป็นพื้นที่ที่รัฐมีวัตถุประสงค์ในกำร

               สงวนเพื่อกำรสงวนรักษำทรัพยำกรธรรมชำติ ดังนั้น เพื่อให้แนวทำงในกำรศึกษำเป็นไปด้วยควำมถูกต้อง

               จ ำเป็นต้องพิจำรณำรำยละเอียดข้อมูลในกำรก ำหนดที่ดินของรัฐดังที่ได้กล่ำวมำแล้ว สรุปข้อมูล
               ตำมกำรรวบรวมได้ ดังต่อไปนี้
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104