Page 101 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 101

๗๔



               อันเป็นประเภทหนึ่งของสำธำรณสมบัติของแผ่นดินตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 1304

               (1) เท่ำนั้น ในส่วนสำธำรณสมบัติของแผ่นดินประเภทอื่นๆ เป็นต้นว่ำ ทรัพย์สินของแผ่นดินโดยเฉพำะใช้
               เพื่อสำธำรณประโยชน์ เช่น ที่ชำยตลิ่ง ทำงน้ ำ ทำงหลวง หรือสำธำรณประโยชน์ที่ใช้เป็นกำรเฉพำะ เช่น

               ป้อม ส ำนักรำชกำรบ้ำนเมืองนั้น ไม่จ ำเป็นต้องหวงห้ำมอีก ด้วยเหตุผลที่ว่ำทรัพย์ดังกล่ำวเป็นของที่ใช้
               เพื่อสำธำรณประโยชน์ในตัวเองอยู่แล้ว พระรำชบัญญัติ ว่ำด้วยกำรหวงห้ำมที่ดินฯ ใช้บังคับจนถึงวันที่

               1 ธันวำคม 2497 จึงได้ถูกยกเลิกโดยพระรำชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมำยที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

                       (3) การสงวนหวงห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน

                      เมื่อได้ประกำศใช้พระรำชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมำยที่ดิน พ.ศ. 2497 ตำมมำตรำ 4 (6)

               แห่งพระรำชบัญญัติดังกล่ำว ให้ยกเลิกพระรำชบัญญัติ ว่ำด้วยกำรหวงห้ำมที่ดินรกร้ำงว่ำงเปล่ำ
               อันเป็นสำธำรณสมบัติของแผ่นดิน พุทธศักรำช 2478 ดังนั้น หำกทำงรำชกำรประสงค์จะสงวนหวงห้ำม

               ที่ดินไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในทำงรำชกำร ก็ต้องด ำเนินกำรตำมประมวลกฎหมำยที่ดิน ซึ่งได้ก ำหนดวิธีกำร
               ในกำรสงวนหวงห้ำมที่ดินไว้แล้ว โดยสำมำรถแบ่งตำมช่วงเวลำที่กฎหมำยบังคับใช้ได้ 2 กรณี  คือ

                           (3.1) การสงวนหวงห้ามก่อนมีการแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินตามประกาศของคณะปฏิวัติ

               ฉบับที่ 334 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515

                           โดยสำมำรถแบ่งกำรได้มำโดยกำรสงวนหวงห้ำมตำมประมวลกฎหมำยที่ดิน ออกเป็น

               2 ประเภท คือ

                               1) กำรขึ้นทะเบียนเป็นของทบวงกำรเมืองตำมประมวลกฎหมำยที่ดิน มำตรำ 8
               ซึ่งตำมประมวลกฎหมำยที่ดินมำตรำ 8 วรรคสำม ให้อ ำนำจรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยที่จะขึ้น

               ทะเบียนที่ดินให้ทบวงกำรเมืองใช้ประโยชน์ได้ โดยที่ดินที่จะน ำมำขึ้นทะเบียนให้ทบวงกำรเมือง
               ใช้ประโยชน์นั้น ได้แก่ ที่ดินตำมมำตรำ 8 วรรคแรก อันได้แก่ สำธำรณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ดิน

               รกร้ำงว่ำงเปล่ำตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์มำตรำ 1304 (1)

                               2) กำรสงวนหวงห้ำมโดยคณะกรรมกำรจัดที่ดินแห่งชำติตำมประมวลกฎหมำยที่ดิน

               มำตรำ 20 (4) ได้ให้อ ำนำจคณะกรรมกำรจัดที่ดินแห่งชำติในกำรสงวนหวงห้ำมที่ดินตำมควำมต้องกำรใช้
               ประโยชน์ของส่วนรำชกำรได้ แต่ประมวลกฎหมำยที่ดินก็มิได้ก ำหนดวิธีกำรและหลักเกณฑ์ในกำรสงวน

               หวงห้ำมไว้ ดังนั้น หลักเกณฑ์และวิธีกำรในกำรสงวนหวงห้ำมจึงเป็นอ ำนำจของคณะกรรมกำรจัดที่ดิน
               แห่งชำติที่จะก ำหนด ทั้งพระรำชบัญญัติ ว่ำด้วยกำรหวงห้ำมที่ดินรกร้ำงว่ำงเปล่ำอันเป็นสำธำรณสมบัติ

               ของแผ่นดิน พุทธศักรำช 2478 ก็ได้ถูกยกเลิกแล้วโดยพระรำชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมำยที่ดิน พ.ศ.
               2497 มำตรำ 4 (6) ดังนั้น คณะกรรมกำรจัดที่ดินแห่งชำติจึงไม่ต้องด ำเนินกำรหวงห้ำม โดยกำร

               ออกเป็นพระรำชกฤษฎีกำและประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ ตำมพระรำชบัญญัติ ว่ำด้วยกำรหวงห้ำมที่ดิน
               รกร้ำงว่ำงเปล่ำอันเป็นสำธำรณสมบัติ ของแผ่นดิน พุทธศักรำช 2478

                           กล่ำวคือ กำรสงวนหวงห้ำมที่ดินตำมประมวลกฎหมำยที่ดินก่อนกำรแก้ไขตำมประกำศ

               ของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334 ไม่ว่ำจะเป็นกำรสงวนหวงห้ำมโดยกำรขึ้นทะเบียนเป็นของทบวงกำรเมือง หรือ
   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106