Page 90 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 90

๖๓



                   เสรีภำพของชนชำวไทย ส่วนที่ 12 สิทธิชุมชน นอกจำกนี้ยังได้มีกำรขยำยสิทธิชุมชน โดยกำรเพิ่ม “สิทธิ

                   ของชุมชน”  และ “สิทธิของชุมชนท้องถิ่น”  ซึ่งหำกพิจำรณำเทียบกับรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย
                   พุทธศักรำช 2540 แล้ว ได้บัญญัติรับรองและคุ้มครองไว้แต่เฉพำะ “สิทธิของชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม”

                   เท่ำนั้น ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมถึงกรณีกำรรวมตัวกันของบุคคลขึ้นเป็นชุมชนโดยไม่จ ำเป็นต้องเป็นกำร
                   รวมตัวกันมำเป็นเวลำนำนจนถือว่ำเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม (มำตรำ 66) นอกจำกนี้กำรด ำเนินโครงกำร

                   หรือกิจกรรมที่อำจก่อให้เกิดผลกระทบอย่ำงรุนแรงต่อคุณภำพสิ่งแวดล้อมทรัพยำกรธรรมชำติและสุขภำพ
                   ของประชำชน จะต้องมีกำรศึกษำและประเมินผลกระทบต่อคุณภำพสิ่งแวดล้อมและสุขภำพของ

                   ประชำชนในชุมชนและจัดให้มีกระบวนกำรรับฟังควำมคิดเห็นของประชำชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน
                   รวมทั้งจะต้องให้องค์กำรอิสระให้ควำมเห็นประกอบก่อนมีกำรด ำเนินกำรดังกล่ำว (มำตรำ 67 วรรคสอง)

                                       ดังนั้น กำรบัญญัติค ำว่ำ “สิทธิชุมชน”   ไว้ให้เป็นที่ปรำกฏในรัฐธรรมนูญ

                   แห่งรำชอำณำจักรไทยนั้น อำจจะกล่ำวได้ว่ำเป็นเพียงวำทกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่เพื่อเป็นกำรรองรับ และ
                   คุ้มครองสิทธิอีกด้ำนหนึ่ง  ซึ่งเกิดขึ้นและด ำรงอยู่มำช้ำนำนเพรำะโดยแท้จริงแล้ว “สิทธิชุมชน”  นั้น

                   เป็นอุดมกำรณ์ที่มีควำมเกี่ยวพันแนบแน่นกับวิถีชีวิต ควำมเป็นอยู่ และวัฒนธรรมชุมชนมำเป็นระยะเวลำ
                   ยำวนำน โดยมีกฎเกณฑ์ที่ไม่ปรำกฏเป็นลำยลักษณ์อักษรแฝงอยู่ในวิถีชีวิตชุมชนซึ่งมีควำมศักดิ์สิทธิ์

                   ที่สมำชิกในชุมชนนั้นๆ ต่ำงได้ยึดถือและปฏิบัติร่วมกัน หรืออำจจะกล่ำวได้ว่ำ “สิทธิชุมชน”  เป็นผลสืบ
                   เนื่องมำจำกกำรรวมตัวของกลุ่มชนเป็นชุมชนที่มีอัตลักษณ์หรือส ำนึกควำมเป็นตัวตนร่วมกัน โดยตั้งอยู่

                   บนหลักกำรพื้นฐำน ว่ำด้วยควำมยั่งยืนและเป็นธรรม ค ำนึงถึงกำรอยู่รอดร่วมกันของชุมชนและสังคม
                   ส่วนรวม โดยที่ชุมชนมีเสรีภำพในกำรก ำหนดกติกำ ก ำหนดวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และแบบแผนกำรจัดกำร

                   ทรัพยำกรที่เหมำะสมกับระบบนิเวศและวัฒนธรรมของตน

                                       อย่ำงไรก็ตำมแม้ “สิทธิชุมชน”  จะได้เกิดขึ้นและด ำรงอยู่มำช้ำนำน รวมทั้งมี

                   กำรบัญญัติรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย อันเป็นกฎหมำยสูงสุดของประเทศก็ตำม
                   แต่กระบวนกำรในกำรใช้สิทธิชุมชนตำมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองไว้ หรือกระบวนกำรในกำรใช้สิทธิ

                   เรียกร้องต่อหน่วยงำนของรัฐเพื่อให้ปฏิบัติหน้ำที่ตำมที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองไว้ของภำคประชำชนหรือ
                   ภำคประชำสังคมนั้นยังไม่อำจบังเกิดผลในทำงปฏิบัติได้อย่ำงเป็นรูปธรรม เนื่องจำกกำรใช้สิทธิดังกล่ำวนั้น

                   จะต้องเป็นไปตำมที่กฎหมำยบัญญัติไว้ด้วย ดังนั้น เมื่อยังไม่มีบทบัญญัติของกฎหมำยที่ออกมำรองรับสิทธิ
                   ดังกล่ำว จึงไม่สำมำรถที่จะอ้ำงสิทธิของชุมชนหรือเรียกร้องเพื่อให้หน่วยงำนของรัฐปฏิบัติหน้ำที่ตำมที่

                   รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองไว้ได้ (ค ำวินิจฉัยศำลรัฐธรรมนูญที่ 36/2548)

                                       ปัญหำดังกล่ำวได้มีควำมพยำยำมที่จะแก้ไขเยียวยำโดยรัฐธรรมนูญ
                   แห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2550 โดยบทบัญญัติในหมวด 3 สิทธิและเสรีภำพของชนชำวไทย

                   ส่วนที่ 12 สิทธิชุมชน นอกจำกจะได้มีกำรขยำยสิทธิชุมชนแล้วยังมีเจตนำรมณ์ที่จะท ำให้กำรใช้สิทธิและ
                   เสรีภำพของประชำชนมีประสิทธิภำพและมีมำตรกำรคุ้มครองที่ชัดเจนมำกยิ่งขึ้น ด้วยกำรตัดถ้อยค ำว่ำ

                   “ทั้งนี้ ตำมที่กฎหมำยบัญญัติ”  ออกจำกบทบัญญัติที่เกี่ยวกับสิทธิและเสรีภำพในหลำยมำตรำ อันส่งผล
                   ท ำให้สิทธิและเสรีภำพของประชำชนได้เกิดขึ้นทันทีตำมรัฐธรรมนูญ
   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95