Page 181 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 181
๑๕๔
ให้บรรลุ ไม่ให้กระทบกับสิทธิในการถือครองที่ดินของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่แห่งนั้น ก่อนด าเนินการ
ประกาศใช้เป็นกฎหมายบังคับ หรือต้องด าเนินการหาทางแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเสียก่อน
เมื่อด าเนินการไปแล้วยังต้องดูแลรักษาพื้นที่เหล่านั้น เพื่อให้มีสภาพที่มั่นคงไม่เสียหายหรือเสื่อมสภาพไป
ในอดีตที่ผ่านมาประชากรในประเทศไทยมีจ านวนไม่มาก โดยพบว่า จ านวนประชากรในปี
พ.ศ. ๒๔๕๓ มีประมาณ ๘.๑ ล้านคน ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ มีประมาณ ๒๖.๒ ล้านคน และปี พ.ศ. ๒๕๕๓
มีประมาณ ๖๕.๙ ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับจ านวนพื้นที่ที่ใช้ในการประกอบอาชีพและอยู่อาศัย ซึ่งเป็น
ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิของประชาชน จ านวน ๑๒๗ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๔๐ ที่เหลืออีกร้อยละ ๖๐ เป็นที่ดิน
ของรัฐ ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์คุ้มครอง เพื่อกิจการของรัฐ กิจการสาธารณูปโภค พื้นที่
สาธารณประโยชน์ และอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบันที่ดินในจ านวน ร้อยละ ๖๐ นี้ ได้จ าแนกและน ามาจัดสรรให้กับ
ประชาชนใช้ประโยน์เป็นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพ จ านวนมากกว่า ๔๐ ล้านไร่ โดยในปัจจุบันจ านวน
ประชากรเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส าหรับพื้นที่ของประเทศยังคงมีเท่าเดิม มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
และสังคมให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้ง ยังมีการก าหนดนโยบายให้มีพื้นที่สงวน
หวงห้ามไว้เพื่อป่าไม้ และรักษาสภาพแวดล้อมอีกไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๔๐ ของพื้นที่ของประเทศ ผู้ที่
ยากจนที่เคยดิ้นรนต่อสู้ถากถางที่ดินท ากินเพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า หรือพื้นที่ป่าไม้เดิมที่
เคยสงวนหวงห้ามไว้ หรือมาสงวนหวงห้ามในภายหลัง เกิดปัญหากระทบกับสิทธิในที่ดิน ที่ตนเองถือครอง
ท าประโยชน์อยู่ มีการเรียกร้องให้แก้ไข แต่ก็ไม่เกิดผลตอบรับจากรัฐบาลหรือหน่วยงานราชการ
ที่รับผิดชอบ เพียงแต่ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปให้รุ่นต่อไปเข้ามาแก้ไขปัญหาที่คงค้างหมักหมมต่อไป และ
เพิ่มปัญหาให้มากขึ้นตามการเพิ่มของประชากร ทั้งที่เมื่อพิจารณาแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้
โดยต้องน าสิทธิของประชาชนมาพิจารณาก่อน พร้อมกับการก าหนดให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียกับสิ่งที่
ก าหนดนั้น เข้ามามีส่วนร่วมในการด าเนินงานทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ จะเป็นการสร้างให้เกิดการ
ยอมรับไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิกันแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ต้องให้ประชาชน
มีความรู้หรือข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องและครบถ้วนเสียก่อน พร้อมกับให้มีการกระจายอ านาจ หรือ
มอบอ านาจให้ด าเนินการ ให้กับชุมชนหรือหน่วยงานในภาคส่วนท้องถิ่น ต่อไป
ดังนั้น จากการที่คณะผู้วิจัยได้ท าการศึกษาถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินของ
หน่วยงานหลักในการบริหารจัดการที่ดินโดยตรง ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข ซึ่งกฎหมาย
ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินของหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการที่ดิน ที่มีการก าหนดขอบเขต
โดยแผนที่แนบท้ายหรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่ส าคัญในการก าหนดแนวเขตกระทบสิทธิในที่ดินของประชาชน
ได้แก่ พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ของกรมที่ดิน พระราชบัญญัติจัดที่ดิน
เพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2 5 1 1 ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ของส านักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
ของกรมป่าไม้ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. 2535 ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518