Page 16 - สิทธิและเสรีภาพในการศึกษา กรณีขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการเก็บเงินบำรุงการศึกษาตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ
P. 16
เขต ๒ ได้มีหนังสือให้โรงเรียนสามารถจัดเก็บค่าบำารุงการศึกษา ประมาณ ๔,๐๐๐ บาท ต่อปี แต่ละ
โรงเรียนจึงได้มีหนังสือเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายในการเรียนการสอนแกนกลางนอกหลักสูตรปกติ
โดยเป็นการเรียกเก็บเงินค่าบำารุงการศึกษา และเงินค่าจัดการการศึกษานอกหลักสูตร ประมาณ
๒,๐๐๐ บาทต่อเทอม ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน ซึ่งใบเสร็จที่โรงเรียนออกให้มีการระบุว่า เงินค่าบำารุง
การศึกษา ซึ่งผู้ร้องเห็นว่า โรงเรียนใช้อำานาจใดในการออกคำาสั่งดังกล่าว และในระยะเวลา ๓ ปีที่ผ่านมา
การกระทำาดังกล่าว การเรียกเก็บเงินสร้างความเดือดร้อนให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง
ปัจจุบัน กระทรวงศึกษาธิการได้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เงินบำารุง
การศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๑ จากการใช้
ประกาศฉบับดังกล่าว ซึ่งทำาให้เกิดความเสียหายขึ้นและเป็นการกระทำาความผิดสำาเร็จ โดยผู้นำา
ประกาศไปใช้ต้องได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และมาตรา ๑๔๘ ซึ่งผู้บริหาร
โรงเรียนอาจต้องถูกดำาเนินคดี
จากกรณีร้องเรียนข้างต้น มีผู้ปกครองโรงเรียนอื่นยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกรมสอบสวน
คดีพิเศษ (DSI) ต่อมา ได้มีการส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดยอยู่ระหว่างการพิจารณา
ผู้ร้องเห็นว่า หากประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การเก็บเงินบำารุงการศึกษา
ของสถานศึกษาสังกัดสำานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๓
ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็เป็นการกระทำาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผู้ร้องเห็นว่า
ไม่มีกฎหมายฉบับใดรองรับให้สามารถเรียกเก็บเงินค่าบำารุงการศึกษาได้ และเป็นการกระทำาที่ขัดหรือ
แย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๘๐
ก�รร้องเรียนต่อหน่วยง�นอื่นและผลก�รดำ�เนินก�ร
๑. สภาทนายความได้มีหนังสือ ที่ สท. ๘๐๘/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓
แจ้งผลการอุทธรณ์ โดยพิจารณาแล้วเห็นว่า การดำาเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
และมาตรา ๑๔๘ ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดำารงตำาแหน่งระดับสูงที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต
หรือฉ้อราษฎร์บังหลวงในการปฏิบัติหน้าที่ราชการนั้น อยู่ในขอบเขตอำานาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
ป.ป.ช. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๐ วรรคแรก (๓) ประกอบ
มาตรา ๒๖ (๑) และ (๒) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ สภาทนายความไม่มีอำานาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะดำาเนินคดีอาญาดังกล่าวได้
ประกอบกับมาตรา ๗๘ แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. ๒๕๒๘ และข้อบังคับสภาทนายความ
ว่าด้วยการช่วยเหลือประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๙ ได้กำาหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือทาง
กฎหมายต้องเป็นผู้ยากไร้และไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีคุณสมบัติต้องด้วย
บทบัญญัติมาตราดังกล่าว อุทธรณ์ของผู้ร้องที่ขอให้สภาทนายความรับให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย
ในคดีอาญาดังกล่าว จึงไม่สามารถกระทำาได้ และไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำาสั่งเดิม จึงมีคำาสั่งยกอุทธรณ์
และยืนตามคำาสั่งของสำานักงานคดีปกครองที่ไม่รับให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายทุกประการ
15
สิทธิและเสรีภาพในการศึกษา กรณีขอให้ตรวจสอบและดำาเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการเก็บเงินบำารุงการศึกษาตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ