Page 39 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 39
เป็นข่าว โดยมีการจัดสัมมนาร่วมกับสมาชิกอยู่หลายครั้งเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับจริยธรรม
ของผู้ประกอบวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์
จากการดำาเนินงานในตำาแหน่งอุปนายกฝ่ายวิชาการสภาทนายความทำาให้ได้มีโอกาส
ร่วมการประชุมคณะกรรมการ ๔ ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย ศาล อัยการ ตำารวจ และสภาทนายความ
ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการ ๔ ฝ่าย ครั้งหนึ่งมีประเด็นเรื่องที่ผู้สื่อข่าวละเมิดสิทธิมนุษยชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิเด็ก ซึ่งจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราช-
บัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำาด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ พระราชบัญญัติป้องกันและ
ปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณา
คดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยในกฎหมายดังกล่าวจะมีบทบัญญัติในการลงโทษผู้ที่
เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเด็ก ในเรื่องของความรุนแรงในครอบครัว การค้ามนุษย์ และการเผยแพร่
คำาวินิจฉัยหรือพิพากษาของศาลที่เกี่ยวข้องที่ส่งผลกระทบต่อเด็กหรือครอบครัว แต่ปรากฏว่า
สื่อมวลชนโดยส่วนใหญ่ก็ยังคงฝ่าฝืนกฎหมายอยู่ตลอดเวลา โดยที่ประชุมในวันนั้นมีความเห็นว่า
สาเหตุที่ยังคงมีการกระทำาที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากยังไม่มีตัวอย่างการลงโทษที่ชัดเจน ซึ่งข้อมูลที่ได้
จากการประชุมในวันนั้น เมื่อมีการจัดสัมมนาร่วมกับสมาชิกผู้ประกอบวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ก็ได้
แจ้งให้สมาชิกได้รับทราบ ทำาให้สมาชิกและสื่อมวลชนมีความระมัดระวังในการนำาเสนอข่าวมากยิ่งขึ้น
พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๗๖ บัญญัติว่า “เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำา
ความผิด ห้ามมิให้เจ้าพนักงานผู้จับกุมเด็กหรือเยาวชน หรือพนักงานสอบสวนจัดให้มีหรืออนุญาต
ให้มีหรือยินยอมให้มีการถ่ายภาพหรือบันทึกภาพเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำาความผิด
เว้นแต่เป็นประโยชน์เพื่อการสอบสวน” ซึ่งจากบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่ามีการคุ้มครองในเรื่อง
ของการถ่ายภาพเด็กหรือเยาวชน โดยในกรณีที่สื่อมวลชนหรือผู้สื่อข่าวหรือช่างภาพที่ต้องถ่ายภาพ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำาเสนอบรรณาธิการนั้น ในส่วนนี้สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยได้มีการประชุม
สัมมนาร่วมกับบรรณาธิการเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเรื่องของการกระทำาที่ไม่เป็นการฝ่าฝืน
กฎหมายและไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในการนำาเสนอข่าวของโทรทัศน์ซึ่งต้องมีความรวดเร็ว
ทำาให้ในบางครั้งอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ โดยมีตัวอย่างรายการข่าวรายการหนึ่งที่ถ่ายภาพเด็ก
กระทำาความผิดในเรื่องของการทำาร้ายร่างกายหรือพยายามฆ่า โดยผู้สื่อข่าวพยายามถ่ายภาพ
ด้านหลังของเด็ก แต่เนื่องจากเด็กที่กระทำาความผิดรายนี้มีอัตลักษณ์พิเศษ คือ ระเบิดหูและใส่
ต่างหูพิเศษ ซึ่งหากผู้ที่ใกล้ชิดได้เห็นการนำาเสนอข่าวดังกล่าวก็จะทำาให้ทราบได้ทันทีว่าเด็กคนนี้
คือใคร และในบางครั้งกรณีข่าวการข่มขืนกระทำาชำาเราเด็ก โดยไม่ปรากฏภาพของเด็กหรือครอบครัว
แต่ปรากฏว่ามีการถ่ายภาพโรงเรียนที่เด็กเรียนอยู่ จึงทำาให้เกิดประเด็นปัญหาในการบ่งชี้ตัวตนหรือ
การที่ทำาให้คนอื่นรู้ได้ว่าบุคคลนั้นคือใคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้สื่อมวลชนจะต้องมีความระมัดระวังและมี
ความรอบคอบในการกระบวนการตรวจสอบและในการนำาเสนอข่าว เพื่อมิให้เกิดการละเมิด
สิทธิมนุษยชน และในบางครั้งอาจมีภาพข่าวที่หลุดออกไป ตัวอย่างเช่นกรณีที่ได้มีการร้องเรียนต่อ
38
สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน