Page 35 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 35
วิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ว่าด้วยวิธี
พิจารณาเรื่องร้องเรียน พ.ศ. ๒๕๕๓ และข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ว่าด้วยการเป็น
สมาชิก พ.ศ. ๒๕๕๓
ประเด็นที่ ๑ เหตุผลและความจำาเป็นในการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุ
ประกอบคำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งเดิมสื่อมวลชนไม่ได้เกิดการแข่งขันใน
เรื่องของระดับความนิยมของผู้ชม (เรตติ้ง) ซึ่งการใช้เรตติ้งในการทำาข่าวเป็นตัวกระตุ้นทำาให้เกิดการ
แย่งชิงเพื่อให้ได้แหล่งทุน โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยในการที่สื่อมวลชนนำาตัวผู้ต้องหาหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
ในคดีมาปรากฏตัวและสัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ เปรียบเสมือนศาล โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ซึ่งหากเป็นกระบวนการพิจารณาของศาล การให้ถ้อยคำาใดๆ ต่อศาล จะเป็นการผูกมัดผู้ให้ถ้อยคำา
ในทางกฎหมาย ซึ่งผู้เสียหายหรือผู้ที่ให้ถ้อยคำาต่อผู้ดำาเนินรายการได้รับรู้ถึงสิทธิของเขาหรือไม่
เนื่องจากการให้ถ้อยคำาผ่านสื่อมวลชน เป็นการผูกมัดตัวบุคคลนั้นและถือเป็นพยานหลักฐานชิ้นหนึ่ง
เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันระบบของกระบวนการยุติธรรมที่เสียหายไปเกิดจากผู้ดำาเนินรายการลักษณะนี้
หรือไม่ ซึ่งลักษณะของการดำาเนินรายการข่าวของพิธีกรไม่ได้คำานึงถึงเรื่องของการใช้คำาถาม ซึ่งเป็น
การกระทำาที่ทำาให้สิทธิและเสรีภาพประชาชนถูกลิดรอน ซึ่งสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยจะ
ต้องใช้ระยะเวลาในการดำาเนินงาน โดยสื่อมวลชนเห็นว่า การออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบวิชาชีพ
เป็นการจำากัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการสื่อสาร ซึ่งสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยต้องมีการ
กำากับและควบคุมเพื่อให้สื่อมวลชนมีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ปฏิบัติ โดยได้มีการศึกษา
เรื่องนี้ไว้ระดับหนึ่งแล้ว
ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนควรมีเฉพาะผู้แถลงข่าวกับของกลาง โดยไม่ต้องนำาตัว
ผู้ต้องหามาร่วมแถลงข่าว ซึ่งแหล่งข่าวต้องรู้จักวิธีการนำาเสนอข้อมูล โดยมีการศึกษาวิจัยและ
วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งในคดีอาญาหลายคดีเมื่อมีคดีเกิดขึ้นแล้วสื่อมวลชน
นำาเสนอ ทำาให้เกิดพฤติกรรมซ้ำาๆ โดยในการทำาข่าวในเรื่องสืบสวนสอบสวน ต้องให้ความรู้กับ
สื่อมวลชน โดยเรื่องที่ท้าทายสื่อมวลชน คือ การทำาข่าวเชิงลึก ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยมีใครอยากทำา
โดยจะทำาเป็นบทสัมภาษณ์ (สกู๊ป) โดยในการทำาข่าวเชิงลึกส่วนหนึ่งมีผลทำาให้หลายๆ เรื่องคลี่คลายได้
และเป็นการช่วยสนับสนุนการทำางานของเจ้าหน้าที่ตำารวจ หรือช่วยผดุงความยุติธรรมในบางเรื่อง
ซึ่งมีมุมมองในด้านบวกด้วยเหมือนกัน
ประเด็นที่ ๒ ผลกระทบจากการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบ
คำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในมิติสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวผู้ต้องหา ครอบครัว และผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีเด็กนักเรียนอาชีวศึกษา
ตีกัน โดยสื่อมวลชนมีการเชิญอาจารย์กับลูกศิษย์มาอภิปรายกัน (ดีเบต) แล้วมีการจับผิดว่า ฝ่ายใด
ฝ่ายหนึ่งพูดถูกหรือผิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายต่อกระบวนการยุติธรรม และไม่มีหน่วยงานใดบอกว่า
สิ่งที่สื่อมวลชนดำาเนินการเป็นการกระทำาที่ผิดและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไรบ้าง
34
สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน