Page 82 - มาตรฐานและแนวทางการดำเนินงานของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 82

การขาดความน่าเชื่อถือ (หรือขาดความเป็นจริง) ของหลักฐานรับรองได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ
                    ทั้งผู้ร้องเรียนและผู้ถูกร้องเรียนอาจมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง และท�าให้การรับรู้เหตุการณ์ผิดไป ในท�านองเดียวกัน มิตรภาพ
                    หรือเครือญาติ  อาจส่งผลต่อความซื่อสัตย์ของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย  และสร้างอคติที่มีผลต่อการให้ค�ารับรอง  อาจมีเรื่องของ

                    ผลประโยชน์ทางการเงินหรือด้านอื่น ๆ  ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนฝ่ายหนึ่งหรือฝ่ายอื่น ๆ  ในท�านองเดียวกัน  อาจจะเป็น
                    เรื่องจริงหรือมีความกลัวที่จะพูดบางสิ่งที่อาจเห็นได้ว่าจะสร้างความเสียหายให้กับผู้มีอ�านาจหรือหน่วยงานที่มีอ�านาจ หรือ
                    บางครั้งเกิดจากความรู้สึกที่ไม่แยแสกับเหตุการณ์ หรือไม่เห็นความจ�าเป็นที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง การมีปัจจัยเหล่านี้ไม่อาจ

                    ลบล้างค�าให้การได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ตรวจสอบควรจะตระหนักถึง
                           มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ (หรือความถูกต้อง) ของหลักฐาน สภาพทางกายภาพของบุคคล

                    ในขณะที่เกิดเหตุการณ์นั้นก็มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น บุคคลนั้นใส่แว่นอยู่แล้วหรือไม่ หากใช่ แล้วเขาได้ใส่มันในเวลาที่เกิด
                    เหตุการณ์หรือไม่ หรือมีสิ่งกีดขวางใด ๆ ในการมองเห็นหรือได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ หรือมองเห็นชัดเจนหรือไม่ มีระยะห่าง
                    มากน้อยแค่ไหน บุคคลนั้นที่เมาเหล้าหรือซึมเศร้าหรือไม่ ฯลฯ เป็นต้น โดยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ต้องได้รับการพิจารณาอย่าง

                    รอบคอบโดยผู้ตรวจสอบ
                           การประเมินความน่าเชื่อถือและความเกี่ยวข้องของพยานที่เกี่ยวข้องกับการประเมินค�าให้การของบุคคล และ

                    ความสัมพันธ์กับหลักฐานและพยานอื่น ๆ ดังที่กล่าวข้างต้น ค�าให้การพยานเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือน้อยกว่าการสังเกตโดยตรง
                    แต่ถึงแม้ว่าจะมีการสังเกตโดยตรง พยานควรได้รับการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่ามีความสอดคล้องหรือไม่ เช่น ตรรกะ
                    และความสอดคล้องตั้งแต่ต้นจนจบ
                           ผู้ตรวจสอบยังต้องการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าแหล่งอ้างอิงหรือค�าให้การของคนหนึ่งสอดคล้องกับค�าให้การ

                    ของผู้อื่นหรือไม่ ผู้ตรวจสอบจะต้องประเมินความสอดคล้องของค�าให้การกับหลักฐานอื่น ๆ รวมทั้งหลักฐานทางกายภาพ
                    สุดท้าย คือ การพิจารณาแรงจูงใจหรือผลประโยชน์ของบุคคล





                            การเตรียมรายงานการตรวจสอบ
                            หาข้อเท็จจริง



                      มักจะมีการจัดท�ารายงานการสืบสวน  ส่วนข้อก�าหนดในรายงานจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
                    ซึ่งโดยทั่วไปประกอบไปด้วย





                           การสรุปข้อร้องเรียน ข้อเท็จจริงและหลักฐาน รวมทั้งข้อสรุปหลัก
                           การระบุของบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน (กฎหมาย เครื่องมือระหว่างประเทศ
                           การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ) ที่เป็นปัญหา

                           รายละเอียดของเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องทางกายภาพ
                           การวิเคราะห์หลักฐานเพื่อหาความจริงของข้อกล่าวหา
                           ข้อสรุปที่ชัดเจนโดยการวิเคราะห์หลักฐาน

                           ข้อแนะน�าที่สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติควรกระท�าเพื่อแก้ปัญหา







                                                                                                                 81
                                                                       มาตรฐานและแนวทางการด�าเนินงานของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87