Page 86 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557
P. 86
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๗ 85
๒๙
ต่อรอง ซึ่งกฎหมายแรงงานของไทย ได้แก่ พระราชบัญญัติแรงงานแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ และ
พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ ยังมีบทบัญญัติที่ไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาทั้งสอง
ฉบับนี้ เช่น มีบทบัญญัติที่อนุญาตเฉพาะบุคคลที่มีสัญชาติไทยสามารถจัดตั้งสหภาพแรงงานและเป็น
กรรมการสหภาพแรงงานได้ มีบทกำาหนดโทษอาญาสำาหรับการนัดหยุดงาน มีข้อห้ามนายจ้างปิดงานหรือ
ลูกจ้างนัดหยุดงาน เป็นต้น
๒.๑.๒) แรงงานข้ามชาติกับปัญหาการค้ามนุษย์
(๑) แรงงานข้ามชาติ
ข้อมูลจากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ระบุถึงจำานวนแรงงาน
ที่เป็นคนต่างชาติในประเทศไทย ในปี ๒๕๕๗ ว่ามีจำานวนทั้งสิ้น ๑,๓๓๙,๘๓๔ คน ในจำานวนนี้เป็น
แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา เมียนมา และลาว) ประมาณ ๑.๑๘ ล้านคน ทั้งนี้ ไม่รวมยอด
การจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติที่จดทะเบียนในศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ
(One Stop Service) ทั่วประเทศ
ดังนั้น แรงงานข้ามชาติซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกละเมิด
สิทธิมนุษยชน ในขณะที่พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ตลอดจนพระราชบัญญัติ
คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับที่ ๓) และฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๕๓) ยังมิได้ประกันสิทธิแรงงาน
่
ขั้นพื้นฐานให้ครอบคลุมถึงแรงงานข้ามชาติ ทำาให้แรงงานกลุ่มนี้มักได้ค่าจ้างตำากว่ามาตรฐานแรงงาน
่
ขั้นตำา ไม่มีวันหยุดประจำาสัปดาห์ ไม่มีวันลา ไม่มีหลักประกันสุขภาพใด ๆ ตลอดจนไม่ได้รับสิทธิประโยชน์
จากกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน คนกลุ่มนี้จะต้องซื้อสิทธิบัตรประกันสุขภาพของ
แรงงานข้ามชาติเองไม่มีสิทธิจัดตั้งสหภาพแรงงานหรือนัดหยุดงาน การยื่นข้อร้องเรียนต่อนายจ้างเสี่ยงต่อ
การถูกเลิกจ้างหรือส่งกลับประเทศต้นทาง บางรายถูกนายจ้างให้ออกจากงานเนื่องจากตั้งครรภ์ แรงงาน
กลุ่มนี้จะอยู่ในระบบจ้างงานระยะสั้นไม่เกิน ๑ ปี หรือระบบการจ้างแบบเหมาช่วง งานที่รับจ้างส่วนใหญ่
อยู่ในภาคการผลิตที่กฎหมายแรงงานยังให้ความคุ้มครองไม่ถึง เช่น งานเกษตรกรรม งานประมงทะเล
งานก่อสร้างงานบ้าน เป็นต้น ในขณะเดียวกัน กลุ่มแรงงานข้ามชาติมักถูกมองว่ามีผลกระทบต่อความ
มั่นคงของประเทศ รัฐบาลจึงมีมาตรการควบคุมแรงงานกลุ่มนี้อย่างเข้มงวด เช่น การเดินทางและ
การเปลี่ยนงาน เป็นต้น
๒๙ อนุสัญญาฉบับที่ ๘๗ ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว มีสาระสำาคัญคือ คนทำางานและนายจ้าง
มีสิทธิในการรวมตัวจัดตั้งองค์กรของตนโดยไม่ต้องขออนุญาตล่วงหน้า มีสิทธิที่จะกำาหนดแนวทางในการบริหารองค์กรในการ
ที่จะปราศจากการแทรกแซงของรัฐ รัฐไม่สามารถยกเลิกองค์กรของลูกจ้างได้ ยกเว้นกรณีมีคำาสั่งศาล องค์กรมีสิทธิที่จะเข้าร่วม
เป็นสหพันธ์และสมาพันธ์ เข้าเป็นภาคีกับองค์การนายจ้างและลูกจ้างระหว่างประเทศได้ ในกรณีที่มีการนัดหยุดงานที่เป็นการให้
บริการสาธารณะที่จำาเป็นยิ่ง (Essential Services) เช่น ไฟฟ้า ประปา หน่วยดับเพลิง ที่กระทบต่อชีวิต ความปลอดภัย
สาธารณสุขของประชาชน จะหยุดงานไม่ได้ และอนุสัญญาฉบับที่ ๙๘ ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง มีสาระ
สำาคัญปกป้องไม่ให้มีการกดดันหรือปลดลูกจ้างที่เข้าร่วมกิจการของสหภาพ ไม่ให้องค์กรของนายจ้าง ลูกจ้างแทรกแซงซึ่งกัน
และกัน นายจ้างและลูกจ้างมีเสรีภาพในการเจรจา โดยรัฐต้องแทรกแซงน้อยที่สุด การบังคับใช้อนุสัญญานี้กับตำารวจและทหาร
ต้องกำาหนดเป็นกฎหมาย และไม่ใช้กับข้าราชการที่ใช้อำานาจในนามของรัฐ เช่น ข้าราชการระดับสูงในระดับอธิบดี ปลัดกระทรวง
เป็นต้น