Page 89 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557
P. 89
88 รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๗
๒.๑.๓) ความเหลื่อมล้ำาและการจัดสรรทรัพยากร และปัญหาการทุจริตที่มีผล
กระทบต่อสิทธิมนุษยชน
้
จากปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทย ก่อให้เกิดความเหลื่อมลำาในการที่
ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรด้านต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ก็เกิดความไม่เป็นธรรม
้
ในการจัดสรรทรัพยากรของรัฐ รัฐบาลได้กำาหนดให้การขจัดปัญหาความเหลื่อมลำาเป็นหนึ่งในนโยบาย
บริหารราชการแผ่นดินที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ และรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ได้บัญญัติให้สภาปฏิรูปแห่งชาติศึกษาและ
เสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างน้อย ๑๑ ด้าน ได้แก่ การเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมาย
และกระบวนการยุติธรรม การปกครองท้องถิ่น การศึกษา เศรษฐกิจ พลังงาน สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
สื่อสารมวลชน สังคม และอื่น ๆ
ที่ผ่านมา พรรคการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมักนำาเสนอนโยบาย
หาเสียงเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย เช่น แรงงาน เกษตรกร แต่ก็เป็น
๓๑
ช่องทางที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตทั้งด้านงบประมาณและเชิงนโยบาย ที่มีผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน
ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ พรรคเพื่อไทย
ได้นำาเสนอนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งประการหนึ่ง คือ การรับจำานำาข้าวเปลือกทุกเมล็ด เพื่อให้
เม็ดเงินตกถึงมือเกษตรกรโดยตรง และเมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นผู้นำาจัดตั้งรัฐบาลและแถลงนโยบายต่อ
รัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ได้นำานโยบายการรับจำานำาข้าวเปลือกตามที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้
๓๒
บรรจุเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะเริ่มดำาเนินการในปีแรก ซึ่งต่อมา ได้เกิดปัญหา
ในการดำาเนินนโยบายดังกล่าวและมีผลกระทบต่อความเสียหายด้านงบประมาณ และเกษตรกรที่เข้าร่วม
โครงการ กล่าวคือ มียอดขาดทุนสุทธิจากการดำาเนินโครงการ ๗ แสนล้านบาท แบ่งเป็นขาดทุนในโครงการ
จำานำาข้าวสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ๕.๓๖ แสนล้านบาท และยอดขาดทุนสะสมจากโครงการ
๓๑ การทุจริตเชิงนโยบายเป็นรูปแบบของการทุจริตที่มีความซับซ้อนมากขึ้นต่างจากการทุจริตโดยทั่วไป โดยมีการใช้อำานาจหน้าที่ของ
เจ้าหน้าที่รัฐโดยมิชอบ (Abuse of Power) มักจะเป็นการทุจริตขนาดใหญ่ที่สร้างผลกระทบหรือความเสียหายอย่างมากให้กับ
ประเทศ โดยมีกระบวนการในการใช้ช่องว่างของกฎหมายและวิชาการสร้างความชอบธรรมให้กับนโยบายหรือโครงการ (Making
of Power) มีการใช้อำานาจในการบริหารในทางการเมืองอย่างไม่โปร่งใส มีการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งภายใน
ประเทศและระหว่างประเทศ
๓๒ “ข้อ ๑.๑๑ ยกระดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยดูแลราคาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพที่เหมาะสม
คำานึงถึงกลไกราคาตลาดโลก โดยใช้วิธีบริหารจัดการทางการตลาดและกลไกตลาดซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งผลักดันให้เกษตรกร
สามารถขายสินค้าเกษตรได้ในราคาสูงเพียงพอเมื่อเทียบกับต้นทุน และนำาระบบรับจำานำาสินค้าเกษตรมาใช้ในการสร้างความมั่นคง
ด้านรายได้ให้แก่เกษตรกร เริ่มต้นจากการรับจำานำาข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้นไม่เกินร้อยละ ๑๕ ที่ราคา
เกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท และ ๒๐,๐๐๐ บาทตามลำาดับ พร้อมทั้งจัดให้มีการเยียวยาความเสียหายของพืชผลจากภัยธรรมชาติ
ให้แก่เกษตรกร การจัดทำาระบบทะเบียนครัวเรือนเกษตรกรให้สมบูรณ์ และการออกบัตรเครดิตสำาหรับเกษตรกร... ”