Page 49 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557
P. 49

48 รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๗








                    สาธารณชนได้ร่วมกันแก้ไขสถานการณ์  โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน จำานวน ๑๑ ฉบับ มีสาระสำาคัญ

                    เกี่ยวกับความห่วงใยต่อเด็กและเยาวชนที่อยู่ในที่ชุมนุม ความเหมาะสมต่อการประกาศใช้พระราชบัญญัติ
                    การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยขยายพื้นที่เพิ่มเติมในขณะที่สถานการณ์ยัง

                    ไม่เกิดความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุม การขอให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์การชุมนุมต่าง ๆ
                    และให้ยึดแนวทางสันติในการแก้ไขปัญหา เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน  การคัดค้านการบังคับใช้

                    พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นการทั่วไปในหลายพื้นที่  เมื่อวันที่ ๒๓
                    มกราคม ๒๕๕๖ เพราะเห็นว่าสถานการณ์และองค์ประกอบยังไม่เข้าขั้นสถานการณ์ฉุกเฉิน การแสดง

                    ข้อกังวลกรณีที่ผู้ชุมนุมจะเดินทางไปยังสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ เรียกร้องไม่ให้คุกคามสื่อและต้องเคารพ
                    สิทธิและเสรีภาพในการนำาเสนอข่าวสารข้อมูลของสื่อมวลชน  ตลอดจนการเรียกร้องให้มีการกำาหนด

                    ขอบเขต ระยะเวลา และพื้นที่ในการบังคับใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗
                    ที่ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เท่าที่จำาเป็นเท่านั้น  นอกจากนี้ กสม. ยังเสนอจดหมาย

                    เปิดผนึก เรื่อง ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์ทางการเมืองต่อนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา
                                                                                                     ้
                    คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยเน้นยำา
                    ให้การพิจารณาร่างกฎหมายต่าง ๆ ที่อยู่ในขั้นตอนของสภานิติบัญญัติ ต้องยึดหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรม
                    หลักธรรมาภิบาลและหลักสิทธิมนุษยชน ตามเจตนารมณ์ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง

                    และสิทธิทางการเมือง

                                    หลังจากที่มีการควบคุมอำานาจการปกครองโดย คสช.  กสม. ได้มีแถลงการณ์แสดง
                    ความห่วงกังวลต่อผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน  ในขณะเดียวกัน กสม. ได้ประสานงานไปยัง คสช. เพื่อให้

                    คำานึงว่า  การปฏิบัติการใด ๆ ต้องสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชน  การจำากัดสิทธิและเสรีภาพ
                    ต้องกระทำาเท่าที่จำาเป็นและได้สัดส่วนอย่างเหมาะสมเท่านั้น  ในกรณีของบุคคลที่ถูกเรียกไปรายงานตัว

                    และถูกควบคุมตัวโดย คสช. จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเคารพต่อศักดิ์ศรีของบุคคลเหล่านั้น และ
                    จะต้องเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบโดยตลอด  ซึ่ง คสช. ตอบรับข้อเสนอของ กสม. อย่างชัดเจน
                                                                                            ้
                    โดยมีการเจรจาร่วมกันระหว่าง กสม. และผู้แทน คสช. ในหลายครั้ง  พร้อมกับมีคำาสั่งเน้นยำาให้บุคลากร
                    เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานในสังกัดของ คสช. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง และเคารพต่อหลักการ

                    ด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับตราสารระหว่างประเทศด้าน
                    สิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี  นอกจากนั้น ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๕๗

                    กสม. ได้เข้าตรวจเยี่ยมบุคคลที่ถูกควบคุมตัว และพบว่าบุคคลเหล่านั้นได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสม

                                    ในส่วนของสถานการณ์การหลบหนีเข้าเมืองของชาวมุสลิมไม่ทราบสัญชาติ (อุยกูร์)
                    กสม. ได้รับข้อมูลว่า ชาวอุยกูร์ที่หลบหนีออกจากประเทศจีนโดยอาศัยกระบวนการลักลอบส่งคน
                    เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย  กลุ่มที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะอาศัยอยู่ในรถบรรทุกแบบปิดทึบ

                    และเมื่อเข้าประเทศแล้วจะกระจายอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ อาทิ ระนอง ปราจีนบุรี และตราด ซึ่งส่วนใหญ่

                    จะซ่อนตัวอยู่ในป่า  จุดหมายปลายทางของชาวอุยกูร์ต้องการจะเดินทางไปยังประเทศตุรกีเนื่องจาก
   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54