Page 54 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557
P. 54

รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๗ 53











                                 กสม. เห็นว่า ในสถานการณ์พิเศษ  สิทธิและเสรีภาพบางประการอาจจะถูกจำากัดได้ แต่ต้อง

                       เป็นไปตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กล่าวคือ เป้าหมายในการจำากัดสิทธิเสรีภาพ
                       ดังกล่าวต้องเป็นเป้าหมายที่มีความชอบธรรม มีการตีความอย่างแคบและกระทำาเท่าที่จำาเป็นต่อ
                       สถานการณ์และได้สัดส่วนที่เหมาะสม  ทั้งนี้ มีสิทธิบางประเภทที่ไม่สามารถเพิกถอนหรือลิดรอนได้ไม่ว่า

                       จะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เช่น สิทธิในชีวิต สิทธิที่จะไม่ถูกทรมาน ดังนั้น รัฐควรทบทวนถึงความจำาเป็น
                       โดยเฉพาะการกลับมาใช้กระบวนการยุติธรรมตามปกติที่ประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลที่ถูกกล่าวหา

                       ตลอดจน การคำานึงถึงการรับฟังความเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคำาสั่ง
                       นโยบายและโครงการของรัฐ
                                 ในกรณีการหลบหนีเข้าเมืองของชาวอุยกูร์และชาวโรฮิงญา ตลอดจนสภาพการถูกควบคุม

                       ตัวในห้องกักที่ กสม. ได้ตรวจเยี่ยมด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งยังพบข้อจำากัดในการจัดสภาพห้องกักให้
                       ได้มาตรฐานในด้านสุขลักษณะ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในสถานที่กัก นอกจากนี้ ได้มีข้อเสนอเชิงนโยบาย

                       ในการคุ้มครองบุคคลที่หลบหนีเข้าเมืองและอยู่ในภาวะเสี่ยงต่ออันตรายหรือชีวิตหากถูกส่งกลับไปยัง
                       ประเทศต้นทาง โดยเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกลไกในการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงสถานะบุคคล

                       ในข่ายดังกล่าว ตามมาตรา ๑๗ ของพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
                                 ในกรณีการคุกคาม บังคับหายสาบสูญ และสังหารแกนนำาชุมชนที่เป็นผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน

                       ยังเห็นว่า การสอบสวนคดีโดยส่วนใหญ่ยังคงมีอุปสรรคทั้งจากกลไกการปฏิบัติงานตรวจสอบ และ
                       การคุ้มครองพยานที่ขาดประสิทธิภาพ และไม่มีความเหมาะสม ตลอดจนการใช้อิทธิพลทางการเมือง
                       เข้าแทรกแซงคดีการสังหาร หรือบังคับหายสาบสูญผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน กสม. ได้จัดทำาข้อเสนอต่อ

                       การคุ้มครองผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนตามปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน (UN
                       Declaration on Human Rights Defenders) โดยเสนอให้รัฐบาลแสดงเจตจำานงที่ชัดเจนต่อสาธารณะ

                       ว่าจะคุ้มครองประชาชนที่อุทิศตนในการปกป้องสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
                                 ในกรณีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตบนท้องถนน  ตามสถานการณ์ในปี ๒๕๕๗ ประชาชนไทย
                                                                           ่
                       ยังมีความมั่นคงปลอดภัยของชีวิตในการใช้รถใช้ถนนอยู่ในเกณฑ์ตำามาก ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศ
                       ที่มีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนเป็นอันดับที่หนึ่งของเอเชีย และเป็นอันดับที่สามของโลก ความสูญเสีย
                       ที่เกิดขึ้นถือเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ ที่ยังไม่สามารถจัดการให้ถนน

                       ในประเทศไทยมีความปลอดภัยเพียงพอสำาหรับการเดินทาง  รวมทั้งในส่วนของประชาชนในฐานะผู้ที่ต้อง
                       ใช้ชีวิตบนท้องถนนโดยไม่มีความปลอดภัย  โดยส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่า อุบัติเหตุเป็นเรื่องของเคราะห์กรรม
                       จึงไม่เรียกร้องถึงสิทธิที่จะมีชีวิตอย่างปลอดภัยบนท้องถนนให้มากยิ่งขึ้น  กสม. เห็นว่า รัฐบาลมีข้อผูกพัน

                       ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศให้มีความมั่นคงและปลอดภัยในทุกบริบท
                       ซึ่งรวมถึงบนท้องถนน รัฐจึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยให้เหตุผลว่า ได้ดำาเนินการในเรื่องดังกล่าว

                       อย่างเต็มที่แล้ว  แต่รัฐควรทบทวนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการที่จะปกป้องคุ้มครองชีวิตของ
                       ประชาชนให้พ้นจากอันตรายบนท้องถนน โดยต้องหามาตรการที่แตกต่างและเหมาะสมกับปัญหามากขึ้น
                       กว่าในปัจจุบันนี้  การดำาเนินการดังกล่าวควรอยู่ในวาระแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งจำาเป็น

                       ต้องมีการประเมินและรายงานผลเป็นประจำาอย่างต่อเนื่อง
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59