Page 64 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 64
62 ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๒ ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘
คณะอนุกรรมการด้านเสนอแนะนโยบายฯ ต่อไป นอกจากนี้ สำานักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศกำาลังดำาเนินการ
ประสานข้อมูลกับสำานักกฎหมายและคดี และจะเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก่อนมี
หนังสือแจ้งความเห็นอย่างเป็นทางการไปยังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพต่อไป
๓.๓) ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๒๔ บัญญัติห้ามส่งตัวบุคคลออกนอกราชอาณาจักร
หากเชื่อได้ว่าจะส่งผลให้บุคคลนั้นถูกกระทำาทรมานหรือถูกบังคับให้สูญหาย แต่ในร่างพระราชบัญญัติฯ ยังไม่ได้
กำาหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในเรื่องนี้ไว้ จึงอาจกำาหนดให้เป็นอำานาจหน้าที่ของคณะกรรมการตาม
ร่างพระราชบัญญัติฯ ในการพิจารณาว่า บุคคลใดอยู่ในข่ายตามหลักการในมาตรา ๒๔ และในระยะต่อไปอาจ
พิจารณาเสนอแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการไม่ส่งบุคคลกลับไปยังดินแดนที่อาจเป็น
อันตราย เช่น กฎหมายการเนรเทศและกฎหมายคนเข้าเมือง เป็นต้น นอกจากนี้ กรณีที่มาตรา ๒๕ ไม่ได้กำาหนด
ให้มีผู้แทนของผู้เสียหายเป็นองค์ประกอบในคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ นั้น เนื่องจากในการประชุม
คณะทำางานแก้ไขกฎหมายภายในให้เป็นไปตามอนุสัญญาฯ ซึ่งจัดที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ คณะทำางานฯ
ให้เหตุผลว่า อาจเชิญบุคคลดังกล่าวมาให้ความเห็นหรือให้คำาปรึกษาแก่คณะกรรมการฯ เป็นครั้งคราวได้อยู่แล้ว
จึงไม่มีความจำาเป็นต้องกำาหนดให้ผู้แทนของผู้เสียหายเช่นว่ามาเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการตามร่าง
พระราชบัญญัติฯ
๔.๒.๒ ความเห็นที่ได้รับจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟัง
ความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติฯ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมรามาการ์เดนส์ ผู้เข้าร่วมประชุม
ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้แทนภาควิชาการและภาคประชาสังคม ดังมีรายละเอียด ดังนี้
๑) น�งอังคณ� นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ให้ความเห็น ดังนี้
๑.๑) ในภาพรวม ร่างพระราชบัญญัติฯ จะให้ความเป็นธรรมและทำาให้ผู้เสียหาย
ได้รับการเยียวยา อย่างไรก็ตาม ร่างพระราชบัญญัติฯ ยังไม่ครอบคลุมปัญหาที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ เช่น ๑) กรณี
ศพของผู้ถูกบังคับให้สูญหายถูกทำาลายซึ่งหากไม่พบศพผู้สูญหาย ก็ไม่อาจดำาเนินการนำาผู้กระทำาผิดมาลงโทษได้
๒) ปัญหาเรื่องสถานะทางกฎหมายของผู้ถูกบังคับให้สูญหายที่ไม่ชัดเจน ทำาให้คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุ
นิติภาวะของผู้สูญหายได้รับผลกระทบเรื่องการทำานิติกรรมและการดำาเนินการเกี่ยวกับเอกสารราชการ เช่น การ
จัดการทรัพย์สิน/หนี้สิน การทำาหนังสือเดินทางของบุคคลที่ไม่บรรลุนิติภาวะที่ต้องได้รับความยินยอมจากบิดา
และมารดา ๓) กรณีบุคคลสูญหายไม่มีญาติพี่น้อง เช่น แรงงานข้ามชาติ อาจเกิดปัญหาว่าใครจะเป็นผู้เสียหาย
ที่สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนแทน
๑.๒) ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๒๕ องค์ประกอบของคณะกรรมการตามร่าง
พระราชบัญญัติฯ ควรเพิ่มผู้แทนของผู้เสียหาย และควรคำานึงถึงสัดส่วนผู้หญิงและผู้ชาย และมาตรา ๑๒
ควรกำาหนดเพิ่มเติมเป็นวรรคสองว่า ไม่ให้มีการนิรโทษสำาหรับความผิดฐานบังคับบุคคลให้สูญหาย เนื่องจากเป็น
ความผิดร้ายแรง
๒) ผู้เข้�ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติก�ร
๒.๑) ร่างพระราชบัญญัติฯ ยังมีความไม่ชัดเจนบางประการ กล่าวคือ นิยามคำาว่า