Page 65 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 65

63
                                              ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                     ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


                  “ความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรง” ตามมาตรา ๓ (๑) ยังไม่ชัดเจน การกระทำาหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย
                                    ่
                  ไร้มนุษยธรรม หรือที่ยำายีศักดิ์ศรี ตามมาตรา ๓ (๒) ซึ่งมีนิยามแต่ไม่มีบทกำาหนดโทษ ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา ๙
                  ซึ่งกำาหนดให้ต้องรับผิดแต่ไม่มีนิยามคำานี้ไว้  สถานที่ลับตามมาตรา ๑๗ ไม่ชัดเจนว่ารวมถึงค่ายทหารหรือไม่

                  การกำาหนดให้ดำาเนินการสืบสวนจนกว่าจะพบบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายตามมาตรา ๑๖ อาจมีปัญหาการตีความ
                  เกี่ยวกับระยะเวลาซึ่งมีผลต่อการสืบสวนสอบสวน  บทลงโทษสำาหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ดำาเนินการให้  ผู้ถูกจำากัด
                  เสรีภาพติดต่อญาติและทนายความอันเป็นสิทธิที่รับรองไว้ในมาตรา ๑๘ ยังไม่ชัดเจน การเยียวยาเบื้องต้นด้าน

                  การเงินตามมาตรา ๒๓ (๕) ไม่ได้ระบุแหล่งที่มาของเงิน
                                        ๒.๒)  ประเด็นที่อาจทบทวนหรือเพิ่มเติม เช่น บทกำาหนดโทษสำาหรับความผิด

                  คดีทรมานและคดีบังคับบุคคลให้สูญหายตามมาตรา ๕ วรรคสอง และ ๖ วรรคสอง ซึ่งกำาหนดโทษจำาคุก ๓๐ ปี
                  สูงกว่าโทษจำาคุกตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งกำาหนดไว้ ๒๐ ปี จึงอาจลักลั่นกัน ควรเพิ่มปลัดกระทรวง
                  สาธารณสุขในคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ ควรให้มีผู้แทนภาคประชาสังคมในคณะกรรมการสรรหา

                  ผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๒๖ การรับเรื่องร้องเรียนตามมาตรา ๓๓ ซึ่งไม่ต้องระบุชื่อ ผู้ร้องอาจเป็นช่องทางให้
                  ร้องเรียนโดยไม่สุจริตหรือกลั่นแกล้งผู้อื่น


                        ๔.๓  กฎหมายภายในที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติฯ

                             โดยที่ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๒๔ บัญญัติห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ
                  กระทำาการส่งตัวบุคคลออกนอกราชอาณาจักร  หากเป็นที่เชื่อว่าบุคคลดังกล่าวจะถูกกระทำาทรมานหรือถูกบังคับ

                  ให้สูญหาย ประกอบกับอนุสัญญา CAT ข้อ ๘ กำาหนดว่า ความผิดในการกระทำาทรมานให้ถือว่ารวมอยู่ในความผิด
                  ทั้งปวงที่ส่งตัวบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนได้ในสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน และอนุสัญญา CPED ข้อ ๑๓ กำาหนดว่า
                  ความผิดในการกระทำาให้บุคคลหายสาบสูญโดยถูกบังคับไม่ถือเป็นความผิดทางการเมือง ต้องรวมในความผิด

                  ที่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ในสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน  การส่งผู้ร้ายข้ามแดนต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขตาม
                  กฎหมาย และไม่ตีความว่าให้ต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดน  หากรัฐที่ได้รับการร้องขอมีมูลเหตุเชื่อได้ว่าคำาขอนั้นกระทำา
                  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำาเนินคดีหรือลงโทษบุคคลเพราะเหตุผลเรื่องเพศ เชื้อชาติ ศาสนา ชาติพันธุ์ ความคิดเห็น

                  ทางการเมือง การเป็นสมาชิกกลุ่มสังคมบางกลุ่ม หรือการปฏิบัติตามคำาขอจะก่ออันตรายแก่บุคคลดังกล่าว
                  เพราะเหตุข้างต้น จึงควรพิจารณากฎหมายภายในที่เกี่ยวกับการส่งตัวบุคคลออกนอกราชอาณาจักร ดังนี้

                             ๔.๓.๑  การส่งตัวบุคคลออกนอกราชอาณาจักรกรณีทั่วไป

                                    ประกอบด้วยกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ

                                    ๑)  พระร�ชบัญญัติก�รเนรเทศ พ.ศ. ๒๔๙๙ กำาหนดเงื่อนไขการเนรเทศคนต่างด้าว ดังนี้

                                        ๑.๑)  เมื่อมีความจำาเป็นเพื่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
                  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำานาจออกคำาสั่งเนรเทศคนต่างด้าวออกไปนอกราชอาณาจักรมีกำาหนด

                  เวลาตามที่เห็นสมควร เมื่อพฤติการณ์เปลี่ยนแปลง รัฐมนตรีฯ จะเพิกถอนคำาสั่งเนรเทศก็ได้  ๖






                  ๖  พระราชบัญญัติการเนรเทศ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๕ วรรคหนึ่ง
   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70