Page 62 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 62

60  ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


                                     ๑.๙)  ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๒๕ ควรทบทวนองค์ประกอบคณะกรรมการ

               ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย (คณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ)
               โดยเพิ่มผู้แทนจากผู้เสียหายคดีทรมานและคดีการบังคับบุคคลให้สูญหายอย่างละ ๑ คน ซึ่งเคยเสนอไว้ใน

               ร่างเดิม และถูกตัดออกในที่ประชุมคณะทำางานแก้ไขกฎหมายภายในให้เป็นไปตามอนุสัญญาฯ กรมคุ้มครอง
               สิทธิและเสรีภาพ


                                 ๒)  ผู้ช่วยศ�สตร�จ�รย์ ปกป้อง ศรีสนิท ให้ความเห็น ดังนี้
                                     ๒.๑)  อนุสัญญา CAT ข้อ ๒ ข้อย่อย ๒  และอนุสัญญา CPED ข้อ ๑ วรรคสอง

               บัญญัติให้การคุ้มครองบุคคลจากการถูกกระทำาทรมานและการบังคับให้สูญหาย เป็นสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจถูก
               เพิกถอน โดยไม่อาจอ้างพฤติการณ์พิเศษ ภาวะสงคราม การขาดเสถียรภาพทางการเมือง หรือสภาวะฉุกเฉิน

               สาธารณะเพื่อกระทำาดังกล่าว  หลักการนี้ได้รับรองไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ ข้อ ๑๑ ซึ่งหากมีผลบังคับใช้
               รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งทหารก็มีข้อผูกพันให้ปฏิบัติตาม  โดยนัยนี้ การกระทำาผิดที่คู่กรณีเป็นทหาร
               อาจอยู่ในอำานาจของศาลทหาร  หากคู่กรณีเป็นทหารฝ่ายหนึ่งและพลเรือนฝ่ายหนึ่งก็ควรเป็นอำานาจของศาล

               พลเรือน เช่น ศาลยุติธรรม เป็นต้น
                                     ๒.๒)  ควรยืนยันอำานาจของคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๓๗

               และ ๓๘ ซึ่งสามารถขอให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ความช่วยเหลือสนับสนุน/สอบสวน โดย
               คำานึงถึงหลักประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความขัดกันของตำาแหน่งหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหากับผู้ให้ความ
               ช่วยเหลือสนับสนุน/พนักงานสอบสวน แล้วแต่กรณี  นอกจากนี้ หากคณะกรรมการดังกล่าวมอบหมายให้

               พนักงานอัยการเป็นพนักงานสอบสวนและพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี  ตามระเบียบสำานักงานอัยการสูงสุด
               ว่าด้วยการดำาเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๒๑๕ บัญญัติว่า คดีอาญาใดที่พนักงานอัยการ

               มีคำาสั่งฟ้องหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือราษฎรในด้านนั้นแล้ว  ห้ามมิให้พนักงานอัยการไม่ว่าเป็น
               คนเดียวกับผู้สั่งฟ้องหรือไม่ก็ตาม รับแก้ต่างคดีอาญาให้กับหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือราษฎรนั้น
               จึงไม่อาจมีกรณีที่พนักงานอัยการแก้ต่างคดีให้กับทั้งหน่วยงานของรัฐ/เจ้าหน้าที่ของรัฐ และราษฎรในคดีเดียวกัน

                                     ๒.๓)  ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๒๕ กำาหนดให้อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและ

               เสรีภาพเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ  และมาตรา ๓๒ (๘) กำาหนดให้
               คณะกรรมการมีอำานาจหน้าที่ช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหาย (คดีทรมานและคดีบังคับบุคคลให้สูญหาย)
               จึงควรให้คณะกรรมการนี้พิจารณากำาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการช่วยเหลือและเยียวยาแก่ผู้เสียหายดังกล่าว

               มากกว่าใช้หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำาเลย
               ในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ เนื่องจากเป็นเรื่องเฉพาะ  นอกจากนี้ คณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ ก็มี
               กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเป็นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอยู่แล้ว

                                     ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าหลักเกณฑ์ค่าตอบแทนผู้เสียหายตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทน
               ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ กำาหนดขึ้นบนฐานเป็นค่าตอบแทน
                               ่
               เบื้องต้นจึงมีอัตราตำา โดยหลักการจ่ายเงินช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหาย รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐจะ
               รับผิดชอบจ่ายเป็นก้อนเดียวแก่ผู้เสียหายไปก่อน จากนั้นจึงไล่เบี้ยจากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ก่อความเสียหายนั้น

               ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่ใช้แนวคิดนี้
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67