Page 372 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 372

สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
                                                                                               National Human Rights Commission of Thailand

                        บทบัญญัติมาตรา 14 แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532

               บัญญัติวา “ที่ราชพัสดุที่กระทรวงการคลังไดมาเนื่องจากการจัดซื้อของ ส.ป.ก.หรือมีผูยกใหแก ส.ป.ก.

               เพื่อดําเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งมีอยูในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ ใหกระทรวงการคลังดําเนินการ

               โอนที่ราชพัสดุดังกลาวใหเปนกรรมสิทธิ์ของ ส.ป.ก. เพื่อใชในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามพระราชบัญญัตินี้
               การโอนที่ราชพัสดุดังกลาวมิใหนําความในมาตรา 8 และมาตรา 9 แหงพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518

               มาใชบังคับ และใหดําเนินการโอนตามประมวลกฎหมายที่ดิน

                        บรรดานิติกรรมใดๆ ที่ไดกระทําเกี่ยวกับที่ดินตามวรรคหนึ่ง ใหคงมีผลใชไดตอไป”

                        บทบัญญัติมาตรา 15 แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532
               บัญญัติวา  “ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีวาการกระทรวงเกษตรและสหกรณ และรัฐมนตรี

               วาการกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้”



               7.2  หลักการและแนวคิดของการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

                        คําวา “ปฏิรูป” นั้น หมายความถึง การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสรางที่ไมถูกตองเหมาะสม

               หรือไมดี ใหเกิดความถูกตองและเหมาะสม  โครงสรางดังกลาวนี้เปนรากฐานของปญหาที่สงผลกระทบใหเกิด

               ปญหาใหม ๆ ขึ้นไดเรื่อย ๆ ซึ่งการแกไขปญหาที่ปลายเหตุเปนเพียงการกระทําเฉพาะหนา จึงไมสามารถ

               ประกันไดวาจะมีผลสําเร็จหรือไมเพียงใด ในขณะที่การแกไขปญหาที่ปลายเหตุประสบผลสําเร็จ ก็ไมได
               มีหลักประกันใด ๆ วาปญหาดังกลาวจะเกิดขึ้นอีกจนไมมีที่สิ้นสุด ถาการแกไขปญหาดังกลาวลมเหลว

               ดวยเหตุผลใดก็ตาม ที่สําคัญที่สุดคือไมไดแกไขปญหาที่ตนเหตุของปญหา ดังนั้น การปฏิรูปจึงเปนการปรับปรุง

               เปลี่ยนแปลงโครงสรางซึ่งเปนรากฐานของปญหา

                        ในป พ.ศ. 2517 สมาพันธชาวไรชาวนาแหงประเทศไทยเดินขบวนเรียกรองใหรัฐบาลแกไขปญหา
               ที่ดินทํากินและการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายทุนหลายครั้งดังที่กลาวมาแลวขางตน ทําใหรัฐบาลนายสัญญา

               ธรรมศักดิ์แกไขปญหาดังโดยประกาศใชพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งมีผลบังคับใช

               ตั้งแตวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2518 โดยมีหลักการและเหตุผลดังนี้

                        “ปจจุบันปรากฏวา เกษตรกรกําลังประสบความเดือดรอน เนื่องจากตองสูญเสียสิทธิในที่ดินและ
               กลายเปนผูเชาที่ดินตองเสีย คาเชาในอัตราสูงเกินควร ที่ดินขาดการบํารุงรักษา จึงทําใหอัตราการผลิตผลเกษตรกรรม

               อยูในระดับตํ่า เกษตรกรไมไดรับความเปนธรรม และเสียเปรียบจากการเชาที่ดิน จึงเปนความจําเปนอยางยิ่ง

               ที่รัฐจะตองดําเนินการแกไขปญหาดังกลาวโดยดวนที่สุด โดยวิธีการปฏิรูปที่ดิน เพื่อชวยใหเกษตรกรมีที่ดินทํากิน

               และใหการใชที่ดินเกิดประโยชนมากที่สุด”







                                                                       รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข  351
                                                                นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”
   367   368   369   370   371   372   373   374   375   376   377