Page 367 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 367

สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
                National Human Rights Commission of Thailand

                         การกําหนดเขตที่ดินใหเปนเขตปฏิรูปที่ดินตามวรรคหนึ่ง ใหถือเขตของอําเภอเปนหลัก โดยใหดําเนินการ

                กําหนดเขตปฏิรูปที่ดินในเขตทองที่อําเภอที่มีเกษตรกรผูไมมีที่ดินประกอบเกษตรกรรมเปนของตนเอง หรือมีที่ดิน

                เล็กนอยไมเพียงพอแกการครองชีพ หรือตองเชาที่ดินของผูอื่นประกอบเกษตรกรรมอยูเปนจํานวนมาก ตลอดจน

                ที่มีผลผลิตตอไรตํ่า เปนเกณฑในการจัดอันดับความสําคัญในการกําหนดเขตกอนหลัง
                         ใหดําเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชักชา และใหดําเนินการสํารวจที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

                และวางโครงการเพื่อดําเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในทองที่ทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักร ใหเสร็จภายใน

                สามปนับแตวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ”

                         บทบัญญัติแหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532 กําหนดใหใช
                ความแทนวา

                         “การกําหนดเขตที่ดินใหเปนเขตปฏิรูปที่ดินตามวรรคหนึ่ง ใหกําหนดเฉพาะที่ดินที่จะดําเนินการ

                ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เวนแตในกรณีที่จําเปนจะถือเขตของตําบลหรืออําเภอเปนหลักก็ได โดยใหดําเนินการ

                กําหนดเขตปฏิรูปที่ดินในเขตทองที่อําเภอที่มีเกษตรกรผูไมมีที่ดินประกอบเกษตรกรรมเปนของตนเอง หรือมีที่ดิน
                เล็กนอยไมเพียงพอแกการครองชีพ หรือตองเชาที่ดินของผูอื่นประกอบเกษตรกรรมอยูเปนจํานวนมาก ตลอดจน

                ที่มีผลผลิตตอไรตํ่า เปนเกณฑในการจัดอันดับความสําคัญในการกําหนดเขตกอนหลัง ในกรณีที่ถือเขตของตําบล

                หรืออําเภอเปนเขตปฏิรูปที่ดินนั้น ใหหมายถึงเฉพาะที่ตั้งอยูนอกเขตเทศบาลและสุขาภิบาล”

                         บทบัญญัติแหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532 ตามมาตรา 7
                ใหเพิ่มความตอไปนี้เปนมาตรา 25 ทวิ แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518

                         “มาตรา 25 ทวิ ถาที่ดินที่ ส.ป.ก. ไดมาเปนแปลงเล็กแปลงนอยและมิไดอยูในเขตปฏิรูปที่ดิน ให ส.ป.ก.

                มีอํานาจจัดที่ดินนั้นใหกับเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรได ตามมาตรา 30 เสมือนวาเปนที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน

                โดยไมตองดําเนินการกําหนดเขตที่ดินในทองที่นั้นใหเปนเขตปฏิรูปที่ดินตามมาตรา 25”
                         บทบัญญัติแหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532 ตามมาตรา 8

                ใหยกเลิกความในมาตรา 26 แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 บัญญัติวา

                         “มาตรา 26 เมื่อไดมีพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินใชบังคับในทองที่ใดแลว

                         (1)  ถาในเขตปฏิรูปที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันแตพลเมืองเลิกใช
                ประโยชนในที่ดินนั้น หรือไดเปลี่ยนสภาพจากการเปนที่ดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันก็ดี หรือพลเมืองยังใชประโยชน

                ในที่ดินนั้นอยู หรือยังไมเปลี่ยนสภาพจากการเปนที่ดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน เมื่อไดจัดที่ดินแปลงอื่นใหพลเมือง

                ใชรวมกันแทนโดยคณะกรรมการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลวก็ดี ใหพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน

                นั้นมีผลเปนการถอนสภาพการเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับที่ดินดังกลาวโดยมิตองดําเนินการถอนสภาพ
                ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และให ส.ป.ก. มีอํานาจนําที่ดินนั้นมาใชในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได





         346     รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข
                 นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”
   362   363   364   365   366   367   368   369   370   371   372