Page 214 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 214

สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
                                                                                               National Human Rights Commission of Thailand

                        “ที่สาธารณประโยชนปากนํ้าปราณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ : ที่ดินอยูอาศัยทํากินเปนเวลา 80 ป

               ไมมีเอกสารสิทธิ จังหวัดสั่งการใหองคการบริหารสวนตําบลจัดงบประมาณใหสํานักงานที่ดินจังหวัด/สาขา
               เพื่อดําเนินการออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงในที่ดินแปลงดังกลาว ชาวบานมีหลักฐานจากอดีตผูใหญบาน

               ที่คัดสําเนามาจากอําเภอ (เทียบประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2471 กับบันทึก
               การออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง รังวัดวันที่ 11 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2505) ซึ่งคนจาก

               สํานักงานที่ดินจังหวัด/สาขาไมไดในปจจุบัน พบรอยขีดฆาจํานวนเนื้อที่แตไมมีลายมือชื่อกํากับ และที่ตั้ง
               ที่พิพาทเปนคนละหมู

                        18เมษายน พ.ศ. 2545 ผูใหญบานนํารังวัดโดยไมมีการแจงใหชาวบานทราบ ผลการรังวัดเนื้อที่ที่พิพาท
               เพิ่มขึ้นจากทะเบียน จังหวัดดําเนินการสอบสวนแตไมไดสอบสวนชาวบานเจาของพื้นที่ และใหนายอําเภอแจงสรุป

               การสอบสวนวาที่พิพาทเปนที่ดินสาธารณประโยชน ยึดเนื้อที่และที่ตั้งตามเอกสารหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง
               ที่รังวัดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ปรากฏวาชาวบานคัดคาน”

                        “ที่สาธารณประโยชนโนนดานขวาง จังหวัดชัยภูมิ : ที่ดินมีหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์และการ
               ครอบครองทําประโยชน โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทําประโยชน ใบเสียภาษีบํารุงทองที่

                        พ.ศ. 2546 องคการบริหารสวนตําบลดงกลางยื่นคําขอรังวัดที่ดินสาธารณประโยชนเพื่อออกหนังสือ
               สําคัญสําหรับที่หลวงโนนดานขวางสาธารณประโยชน ทับที่ทํากินชาวบาน ชาวบานคัดคาน

                        ที่ดินสาธารณประโยชนโนนดานขวางแบงเปน 5 แปลง 1. แปลงโนนโรงเรียน - ออกหนังสือสําคัญ
               สําหรับที่หลวงเมื่อ พ.ศ. 2526 แตที่ดินบอกวาไมมีทะเบียน ผูใหญบานยืนยันวาไมมีการรังวัด 2. แปลงโคกนกทา

               ออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงเมื่อ พ.ศ. 2529 ไมไดระบุวามีการประกาศหวงหามตั้งแตเมื่อไร เนื้อที่และทิศ
               ของพื้นที่ที่ระบุในทะเบียนไมตรงกับขอเท็จจริงในพื้นที่ 3. แปลงโนนดานขวางทิศเหนือ ตามทะเบียนมีแนวเขต

               ตรงกันกับที่สาธารณประโยชนโคกนกทาทุกประการ 4. แปลงโนนดานขวางทิศใต ตามทะเบียนไมมีระบุประกาศ
               สงวนหวงหามไวเมื่อใด ใครประกาศ ในทะเบียนเดียวกันแบงเปนสองแปลง 5. แปลงกุดแคน เปนทําเลเลี้ยงสัตว

               ไมมีหลักฐานที่ดินเดิม
                        29ธันวาคม พ.ศ. 2546 เจาพนักงานที่ดินจังหวัดนัดหมายผูมีที่ดินขางเคียงรังวัดแนวเขตและปกเขตที่ดิน

               สาธารณประโยชน ชาวบานเห็นวาไมสอดคลองกับขอเท็จจริง จึงคัดคานและเสนอใหอําเภอตรวจสอบโดยชาวบาน
               มีสวนรวม

                        พ.ศ. 2548 อําเภอรับรายงานจากองคการบริหารสวนตําบลวามีชาวบานเขาครอบครองปลูกสรางอาคาร
               ชั่วคราวในที่พิพาท ชาวบานอีกกลุมเผาอาคารที่พักอาศัยนั้น เพื่อไมใหมีเหตุการณรุนแรงองคการบริหารสวนตําบล

               และกํานันผูใหญบานจัดประชาคมตําบล ชาวบานเขารวม 1,000 คน มีมติใหผูครอบครองที่พิพาทออกจาก
               เขตพิพาทและใหรื้อถอนสิ่งปลูกสราง อําเภอทําความเขาใจกับชาวบานเพื่อไมใหมีการกระทําที่รุนแรง

               และเพื่อใหเกิดความเปนธรรมแกชาวบานที่ถูกกลาวหาวารุกลํ้าที่พิพาท  ใหใชมาตรการทางกฎหมาย
               เพื่อใหเกิดความชอบธรรม อําเภอใหชาวบานหยุดเขาทํากินในที่พิพาทชั่วคราวและดําเนินการทางกฎหมาย

               ตอผูบุกรุกเพิ่มเติมตามนโยบายผอนผันใหผูทํากินอยูเดิมเทานั้น”




                                                                       รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข  193
                                                                นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”
   209   210   211   212   213   214   215   216   217   218   219