Page 26 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนด้วยกัน
P. 26

(1)  ความหมายตามแนวคิดดั้งเดิม

                                   โดยที่แนวความคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนมีรากเหงาความคิดมาจากแนวความคิดเรื่อง
              กฎหมายธรรมชาติและสิทธิธรรมชาติ การปรากฏตัวหรือสถานการณมีอยูของสิทธิมนุษยชนในสายตาของฝาย

              กฎหมายธรรมชาติหรือธรรมชาตินิยม มักมองวาสิทธิมนุษยชนเปนสิทธิที่มีอยูแลวโดยธรรมชาติหรือเปนสิทธิ

              ธรรมชาติ (Natural Rights) ซึ่งมนุษยเพียงคนพบ (Discover) มิใชสิทธิที่เกิดจากอํานาจหรือการประทานให
                               9
              ของมนุษยดวยกันเอง  ดังนั้นจึงมีผูใหความหมายของคําวา “สิทธิมนุษยชน” ในยุคนั้นวา
                                   สิทธิมนุษยชน คือ สิทธิที่คนทุกคนมีอยูโดยเสมอภาคเทาเทียมกันดวยเหตุที่เขา
              เปนมนุษย เปนสิทธิที่ตั้งอยูบนความใสใจตอธรรมชาติแหงการเปนมนุษยของเรา   สิทธิมนุษยชน จึงเปนสิทธิ
                                                                                10
              ที่เกิดมาเองโดยธรรมชาติในตัวมนุษย ในความหมายที่วาแหลงที่มาของสิทธินี้คือธรรมชาติของมนุษย (Human

              Nature) มิไดเกิดขึ้นเพราะการอนุญาตจากรัฐหรือเปนผลจากการกระทําของใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ ดังนั้น
              ในการมีสิทธิมนุษยชนบุคคลจึงไมจําเปนตองมีสิ่งใดๆ นอกเหนือจากความเปนมนุษยเขาไมตองทําอะไรทั้งสิ้น

              นอกเสียจากการไดเกิดมาเปนมนุษย 11

                                   สิทธิมนุษยชน คือ คุณลักษณะประจําตัวของมนุษยทุกคนในฐานะที่เกิดมาเปนมนุษย
              และดวยเหตุผลแตเพียงอยางเดียววาเขาเกิดมาเปนมนุษย ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพเหลานี้อยูแลวตั้งแตกอนที่จะมี

                                                      12
              สังคมการเมืองที่เรียกวา “รัฐ” (State) เกิดขึ้น  และไมมีมนุษยผูใดสามารถสละสิทธิและเสรีภาพเหลานี้ได
              โดยชอบ และไมมี “ผูปกครองวาการแผนดิน (Sovereign)” คนใดหรือคณะใดมีอํานาจทําลายสิทธิและเสรีภาพ
              เหลานี้ไดเชนกัน  สิทธิมนุษยชนจึงมิไดเปนการที่รัฐบัญญัติกฎหมายใหสิทธิแกบุคคล หากแตเปนการที่กฎหมาย
                           13
              ของรัฐไดรับรองถึงความมีอยูของสิทธิที่ติดตัวมนุษยไวในบทบัญญัติของกฎหมายเทานั้น  เชน สิทธิในชีวิตรางกาย
              ของบุคคล เสรีภาพในทางความเชื่อของบุคคล เปนตน 14

                                   การใหความหมายสิทธิมนุษยชนตามแนวคิดดังกลาว เปนการใหความหมายสิทธิมนุษยชน

              โดยพิจารณาจากธรรมชาติของการเปนมนุษยและยืนยันถึงการถือครองสิทธิดังกลาว โดยมนุษยทุกคน และจาก
                                                                                                 15
              ความหมายดังกลาวทําใหเห็นถึงลักษณะของสิทธิมนุษยชน 2 ประการ คือ ความเปนสากลของสิทธิมนุษยชน

              และการไมอาจสละโอนหรือยอมใหพรากไปแกผูใดผูหนึ่ง คือ








              9   จรัญ  โฆษณานันท, อางแลว เชิงอรรถที่ 7, น. 59.
              10   R.J.Vincent, “Human Rights and International Relations” (Cambridge : Cambridge University Press,1988) ; จรัญ  โฆษณานันท (แปล),
               “สิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของมนุษย :  บทวิจารณเชิงวิเคราะห แนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนในโลกที่มิใชตะวันตก”, วารสารกฎหมาย, คณะนิติศาสตร
                จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, ปที่  10, ฉบับที่ 2, ธันวาคม 2528, น. 79 - 80.
              11  จรัญ  โฆษณานันท, อางแลว เชิงอรรถที่ 7, น. 57.
              12  วรพจน วิศรุตพิชญ, สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540, พิมพครั้งที่ 2, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพวิญูชน,
               2543), น. 44.
              13   เพิ่งอาง, น. 40.
              14   บรรเจิด  สิงคะเนติ, หลักพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยตามรัฐธรรมนูญ, พิมพครั้งที่ 2 ปรับปรุงใหม, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ
                วิญูชน, 2547), น. 73.
              15   จรัญ  โฆษณานันท, อางแลว เชิงอรรถที่ 7, น. 58.


                                                                                                               7
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31