Page 76 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 76

รายงานการศึกษาวิจัย  49
                                                             การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี



                             . การตรวจเลือดในธุรกิจธนาคาร (2556)
                                เมื่อผูติดเชื้อซึ่งทํางานอยูในองคกรขนาดใหญ ไปสมัครงานในตําแหนงพนักงานบริการลูกคา

               ของธนาคารแหงหนึ่ง หลังจากการสัมภาษณ ฝายบุคคลแจงใหผูติดเชื้อคนนั้นไปตรวจสุขภาพ โดยในรายงาน
               การตรวจสุขภาพระบุวา ติดเชื้อเอชไอวีทําใหผูติดเชื้อลําบากใจที่จะสงผลดังกลาว อยางไรก็ดี เนื่องจากกรณีนี้เปน

               กรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นจึงยังไมมีความคืบหนาในการดําเนินงาน
                                นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ผูสมัครงานที่มีผลเลือดเปน Inter Minin (ซึ่งเปนผลเลือดที่ไมชัดเจน

               แตมีแนวโนมวาผลเลือดจะเปนบวก) ถูกปฏิเสธการจางงานดวย
                                อยางไรก็ดี การเลือกปฏิบัติโดยการบังคับตรวจเลือดกอนจางงานถือเปนรูปแบบการเลือก

               ปฏิบัติตอผูติดเชื้อที่แพรหลายที่สุด ไมวาจะเปนกิจการของรัฐหรือกิจการภาคเอกชน มีธุรกิจอีกจํานวนมากที่บังคับ
               ใหผูสมัครงานตองตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี แตเนื่องจากไมมีการรองเรียนจากผูติดเชื้อ จึงไมมีการเคลื่อนไหว

               เพื่อแกไขปญหาในกรณีดังกลาว เชน การบังคับตรวจเลือดในกิจการของรัฐวิสาหกิจแหงหนึ่งเมื่อเจาหนาที่ที่รับผิดชอบ
               ไดขอมูล แนวปฏิบัติแหงชาติวาดวยการปองกันและบริหารจัดการดานเอดสในสถานที่ทํางาน ก็โทรศัพทมา

               ปรึกษาเจาหนาที่ในศูนยอํานวยการบริหารจัดการปญหาเอดสแหงชาติ  หรือกรณีที่บริษัทมหาชนขนาดใหญ
                                                                           111
               ปฏิเสธที่จะขอรับมาตรฐาน ASO Thailand เนื่องจากองคกรนี้ ยังคงมีแนวทางการบังคับตรวจเลือดกอนเขาทํางาน

               เปนตน 112
                                                                             113
                                (2)  ถูกบังคับใหออกจากงานเนื่องจากติดเชื้อเอชไอวี
                                    กรณีนี้พบในธุรกิจรานอาหาร (2555) ซึ่งแมวาจะไมมีการบังคับใหตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ
               เอชไอวีขณะจางงาน แตหลังจากผูติดเชื้อเขาไปทํางานไดไมกี่วัน ผูจัดการสถานประกอบการเรียกผูติดเชื้อไปพบ

               และเลาใหฟงวา มีลูกคามาแจงวาพนักงานติดเชื้อจึงเรียกพนักงานที่ติดเชื้อมาสอบถามวาติดเชื้อหรือไม
               เมื่อพนักงานคนดังกลาวยอมรับวาตนเองติดเชื้อก็ถูกตําหนิที่ไมบอกความจริง และใหเหตุผลวา “ถาเพื่อนรวมงาน

               ติดเชื้อจะวาอยางไร” แมผูติดเชื้อจะพยายามอธิบายถึงชองทางการติดตอ แตผูจัดการก็ไมรับฟงและไมให
               มาทํางานอีก โดยใหนําบัตรพนักงานมาคืน และแจงวาจะโอนคาจางใหในภายหลัง

                             2)  กรณีศึกษาการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี
                                ขอมูลจากการสัมภาษณผูใหขอมูลหลัก ชี้ใหเห็นการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพ

               ของผูติดเชื้อเอชไอวีใน 2 แบบ คือ การบังคับตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีกอนจางงาน และการใหออกจากงาน
               เมื่อรูวาติดเชื้อเอชไอวี เมื่อไดขอมูลจากมูลนิธิศูนยคุมครองสิทธิดานเอดส ผูวิจัยไดติดตอสัมภาษณผูติดเชื้อ

               ที่ยินยอมใหขอมูลในทั้ง 2 กรณี กรณีแรก เปนผูติดเชื้อที่ไมไดรับการจางงานในธุรกิจขายปลีกที่มีการขายอาหาร
               และกรณีที่สอง เปนผูติดเชื้อที่นายจางใหออกจากงานเมื่อรูวาเคยติดเชื้อเอชไอวีในธุรกิจรานอาหาร แตละกรณี

               มีรายละเอียด ดังนี้




               111  ขอมูลจากเจาหนาที่ศูนยอํานวยการบริหารจัดการปญหาเอดสแหงชาติ, การสนทนากลุมเจาหนาที่ของรัฐ เอกชนและองคกรพัฒนาเอกชนที่ทํางานเกี่ยวของ
                 กับผูติดเชื้อเอชไอวี 1 มีนาคม 2556
               112  ขอมูลจากเจาหนาที่สมาคมแนวรวมธุรกิจไทยตานภัยเอดส, การสนทนากลุมเจาหนาที่ของรัฐ เอกชนและองคกรพัฒนาเอกชนที่ทํางานเกี่ยวของกับผูติดเชื้อ
                 เอชไอวี 1 มีนาคม 2556
               113  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในขอมูลที่ไดจากการสัมภาษณผูติดเชื้อในสวนตอไป
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81