Page 50 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 50

48   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                                  (๓)  เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี”

                                  มาตรานี้เป็นเรื่องปราบปรามการโฆษณาต่อประชาชนบางประการ เพราะเอาผิด
                  ต่อเมื่อกระทำาให้ปรากฏแก่ประชาชนเท่านั้น  ทั้งนี้ไม่ว่ากระทำาโดยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด เช่น

                  ฉายภาพยนตร์
                                  มาตรา ๒๑๕  “ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำาลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้

                  กำาลังประทุษร้าย หรือกระทำาการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวาง
                  โทษจำาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

                                  ถ้าผู้กระทำาผิดคนใดมีอาวุธ บรรดาผู้ที่กระทำาความผิดต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกิน
                  สองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ

                                  ถ้าผู้กระทำาความผิดเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำาความผิดนั้น
                  ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ”

                                  ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๖ และมาตรา ๒๑๕ บัญญัติความผิดให้กับ
                  เหตุการณ์ที่อาจมุ่งหมายให้เกิดอันตรายแก่ความมั่นคงหรือเกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งอาจมี

                  การชุมนุมร่วมอยู่ด้วย  ในขณะที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๖๓  บัญญัติรับรอง
                  เสรีภาพในการชุมนุมของบุคคล เฉพาะการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเท่านั้น  ดังนั้น

                  เส้นแบ่งระหว่างการชุมนุมที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยรับรองและไม่ผิดกฎหมาย กับการ
                  ชุมนุมที่ไม่ได้รับการรับรองและมีความผิดตามกฎหมายอาญา จึงอยู่ตรงที่องค์ประกอบทั้งสามประการ

                  ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๑๕ นั่นคือ ๑) มั่วสุมกันตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไป  ๒) ใช้
                  กำาลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำาลังประทุษร้าย หรือกระทำาการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวาย

                  ขึ้นในบ้านเมือง  และ ๓)  เจตนาให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
                                  ประการสำาคัญ คือ การใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบนั้น  ถ้าการใช้เสรีภาพ

                  ดังกล่าว ส่งผลให้คนอื่นได้รับความเสียหายก็ต้องรับผิดในส่วนความเสียหายนั้นๆ เช่น ในการ
                  เดินขบวนเมื่อชุมนุมเรียกร้องเรื่องต่างๆ  แต่ถ้าในการชุมนุมหรือเดินขบวนนั้นไปทำาให้ทรัพย์สินของ

                  บุคคลอื่นเสียหาย อาจเป็นพวกกระถางต้นไม้หน้าบ้าน หน้าตึก หรือยานพาหนะเสียหาย บุคคลที่
                  ทำาให้เกิดความเสียหายก็ต้องรับผิดในทางละเมิด ชดใช้ค่าเสียหาย  และถ้าหากเป็นทรัพย์สินของ

                  รัฐหรือของแผ่นดินเสียหาย ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่  ย่อมถือว่า
                  เป็นการทำาต่อหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ควบคุมดูแล เช่น ทุบทำาลายถนนในเขตเทศบาล ก็ถือเป็น

                  การทำาต่อเทศบาล เป็นต้น  แต่ในทางเป็นจริง ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจะไม่ค่อย
                  ฟ้องร้อง อาจเป็นเพราะเกิดความเสียหายไม่มากนัก หรืออาจเป็นเพราะว่าไม่รู้ตัวผู้กระทำาผิด ไม่รู้

                  ว่าจะฟ้องร้องใคร เพราะการชุมนุมแต่ละครั้งก็มีผู้คนมากมายเข้าร่วมเกือบทุกครั้ง และถ้าการชุมนุม
                  นั้นมีการปราศรัยในที่ที่ชุมนุมและเข้าหลักเกณฑ์ความผิดของการหมิ่นประมาทตามหลักกฎหมาย

                  แพ่งหรืออาญา ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการปราศรัยหรือการใส่ความก็ฟ้องร้องให้ผู้นั้นรับผิดจาก
                  การกระทำานั้นได้ ซึ่งในที่ผ่านมาก็เกิดคดีความฟ้องร้องกรณีนี้อยู่บ่อยครั้ง
   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55