Page 212 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 212

210   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                             ๑.๒.๑ กรณีการขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่นั้น ตามคำาร้องเรียนเป็นประเด็น

                  เดียวกันกับเรื่องที่ศาลจังหวัดนราธิวาสได้มีคำาพิพากษาแล้ว  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
                  จึงไม่อาจที่จะใช้อำานาจตรวจสอบและเสนอมาตรการการแก้ไขตามคำาร้องเรียนได้ตามมาตรา ๒๒ แห่ง

                  พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่บัญญัติว่า “ในกรณีที่มีการกระทำา
                  หรือการละเลยการกระทำาอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และมิใช่เป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องเป็นคดี

                  อยู่ในศาลหรือที่ศาลพิพากษาหรือมีคำาสั่งเด็ดขาดแล้ว ให้คณะกรรมการมีอำานาจตรวจสอบและเสนอ
                  มาตรการการแก้ไขตามพระราชบัญญัตินี้”  ประกอบกับการขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่

                  เป็นกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำาหนดไว้เป็นการเฉพาะ จึงเห็นควรยุติในประเด็นนี้
                             ๑.๒.๒ กรณีที่ขอให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย เดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท ตลอดชีวิตของ

                  นายยูโซ๊ะ หมิ๊เต๊ะ นั้น  กรณีดังกล่าวเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนแพ่ง  ผู้ร้องต้องใช้สิทธิ
                  ด้วยตนเองตามขั้นตอนและภายในอายุความตามที่กฎหมายกำาหนด จึงเห็นควรยุติในประเด็นนี้

                             ๑.๒.๓ กรณีสำานักงานยุติธรรมจังหวัดนราธิวาส ยกคำาขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหาย
                  ในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำาเลยใน

                  คดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ เนื่องจากยื่นคำาขอเกินหนึ่งปีนั้น ที่ผ่านมามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก
                  เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาในการใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและ

                  ค่าใช้จ่ายแก่จำาเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นจำานวนมาก คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
                  โดยคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนและกลั่นกรองรายงานผลการตรวจสอบการละเมิด

                  สิทธิมนุษยชนพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
                  มาตรา ๒๕๗ (๕) ที่บัญญัติว่า  “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอำานาจหน้าที่เสนอแนะ

                  นโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ ต่อรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริม
                  และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน” แล้วเห็นว่า กรณีตามคำาร้องเป็นการขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน

                  แห่งชาติใช้อำานาจในการเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎเพื่อส่งเสริม
                  และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คำาร้องจึงอยู่ในอำานาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

                  ที่จะรับไว้พิจารณา และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการ
                  ปรับปรุงกฎหมาย และกฎ เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพื่อดำาเนินการต่อไป




                  ๒.  การพิจารณาคำาร้องเรียน

                       รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๗ (๕) และพระราชบัญญัติ
                  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๕ (๔) บัญญัติว่า  “คณะกรรมการ

                  สิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอำานาจหน้าที่เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ต่อรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน”

                       เมื่อได้พิจารณาคำาร้องและเอกสารประกอบคำาร้องแล้ว เห็นว่ามีประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ
   207   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217